ไม่พบผลการค้นหา
กลุ่มตาลีบันแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (8 ต.ค.) ว่า อัฟกานิสถานมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 2,000 ราย หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงทางตะวันตกของประเทศ ทั้งนี้ ที่อัฟกานิสถานกำลังเผชิญหน้าอยู่กับเหตุแผ่นดินไหวอีกครั้ง ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศ

แผ่นดินไหวในอัฟกานิสถานขนาด 6.3 ริกเตอร์ เกิดขึ้นเมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (7 ต.ค.) ห่างจากเมืองเฮรัตไปทางตะวันตก 40 กิโลเมตร ในจังหวัดเฮรัตตะวันตก ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่อันดับ 3 ของอัฟกานิสถาน ทั้งนี้ แผ่นดินไหวครั้งแรกยังสามารถรู้สึกได้ ไปถึงจังหวัดบัดกีสและฟาราห์ที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกัน และตามมาด้วยการเกิดอาฟเตอร์ช็อกอีกหลายครั้ง

ซาบีฮุลเลาะห์ โมจาฮิด โฆษกกลุ่มตาลีบัน ระบุว่ายอดผู้เสียชีวิตมีอยู่ที่ 2,053 คน บาดเจ็บอีก 1,240 คน และบ้านเรือน 1,320 หลังถูกทำลายทั้งหมดหรือบางส่วน ทั้งนี้ มีความกังวลว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้นอีก โมจาฮิดยังกล่าวเสริมอีกว่า ทีมกู้ภัยได้เดินทางถึงจังหวัดเฮรัตแล้ว และอาหาร น้ำ ยารักษาโรค และเสื้อผ้าจะถูกส่งไปยังที่เกิดเหตุเช่นกัน 

จากการประเมินก่อนหน้านี้ของสหประชาชาติระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตในอัฟกานิสถานมีลดลงประมาณ 100 รายและบาดเจ็บ 500 ราย ยังมีรายงานว่าบ้านเรือนเกือบ 500 หลังถูกทำลาย และอาคาร 135 หลังได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) ระบุว่า “จนถึงขณะนี้ มีการประเมินว่าประชาชน 4,200 คน (600 ครอบครัว) ได้รับผลกระทบ” จากเหตุแผ่นดินไหวในครั้งนี้

ยังมีการเผยแพร่ภาพที่เผยให้เห็นกองเศษซาก และเศษหินจำนวนมากหลังจากอาคารที่ถล่มลง ผู้รอดชีวิตจำนวนมากยังได้ออกมารวมตัวกันบนถนนเพื่อความปลอดภัย 

พร้อมกันนี้ องค์การสหประชาชาติระบุว่า “เป็นที่เข้าใจกันว่า มาฮาล วาดาคาห์ เป็นหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด” พร้อมกันนี้ องค์การสหประชาชาติยังรายงานด้วยว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และพื้นที่อื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายยังรวมถึง แดชต์ ฮาวส์, บาฮาดอร์ไซ, ซอร์ยัน และคอชกัก “นอกจากนี้ มีรายงานว่ามีครอบครัวประมาณ 300 ครอบครัว คิดเป็นประชาชนประมาณ 2,100 คน ต้องพลัดถิ่นไปยังเมืองเฮรัต ซึ่งพวกเขาอาศัยอยู่ในอาคารร้าง”

อัฟกานิสถานได้รับความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญ จากการเกิดเหตุแผ่นดินไหวหลายครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจและความอดอยากที่ย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคร่าชีวิตและยังผู้คนที่ต้องพลัดถิ่นนับหมื่นคน 

อัฟกานิสถานยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชียมาอย่างยาวนาน และได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งมานานหลายทศวรรษ แต่ความสามารถในการตอบสนองต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติของอัฟกานิสถาน ย่ำแย่ลงกว่าเดิม นับตั้งแต่กลุ่มตาลีบันเข้ายึดอำนาจการปกครองอัฟกานิสถานไปในปี 2564 หลังจากการถอนกองทัพของสหรัฐฯ อันวุ่นวาย ตามมาด้วยการถอนกำลังและความช่วยเหลือกจากนานาชาติในเวลาต่อมา 

นอกจากนี้ การยึดอำนาจของตาลีบันในอัฟกานิสถาน ยังส่งผลให้สหรัฐฯ และชาติพันธมิตรอายัดเงินสำรองต่างประเทศของอัฟกานิสถานประมาณ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.6 แสนล้านบาท) และยังรวมถึงการตัดเงินทุนระหว่างประเทศ สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เศรษฐกิจของอัฟกาสนิสถานย่ำแย่ลง หลังจากที่ประเทศแห่งนี้ต้องพึ่งพาความช่วยเหลืออย่างหนักจากต่างชาติมาแต่แรกอยู่แล้ว

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารโลกออกมาเตือนว่า 2 ใน 3 ของครอบครัวชาวอัฟกานิสถาน กำลังเผชิญกับ “ความท้าทายที่สำคัญในการรักษาวิถีชีวิตของพวกเขา” วิกฤตดังกล่าวนี้ยังทำให้ชาวอัฟกานิสถานฟื้นตัวจากเหตุแผ่นดินไหวได้ยากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ปกติในประเทศที่มักประสบกับแผ่นดินไหว

อัฟกานิสถานยังประสบกับเหตุแผ่นดินไหวขนาด 5.9 ริกเตอร์ เมื่อเดือน มิ.ย.ปีที่แล้วในจังหวัดปักติกาและคอสต์ทางตะวันออกติดกับปากีสถาน ซึ่งได้คร่าชีวิตผู้คนไปกว่าพันคน แผ่นดินไหวในครั้งนั้นเกิดขึ้นพร้อมกับการเกิดฝนและลมมรสุมที่รุนแรง ซึ่งขัดขวางการค้นหาผู้รอดชีวิต และการเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์อย่างหนัก

นอกจากนี้ อัฟกานิสถานยังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.6 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2565 ที่เมืองบาดกีส อีกจังหวัดทางตะวันตกใกล้หับจังหวัดเฮรัตที่มีพรมแดนติดกับเติร์กเมนิสถาน โดยเหตุแผ่นดินไหวในครั้งนั้น ได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 20 ราย และทำให้บ้านอิฐหลายร้อยหลังพังทลาย


ที่มา:

https://edition.cnn.com/2023/10/07/world/afghanistan-herat-earthquake-devastation-intl-hnk?fbclid=IwAR1sbTlWTrQY13bVRiTWWWScE8nSDjdlfSpp776iza-1s9w4VJ98FWCAKr8