ไม่พบผลการค้นหา
เลขาฯ สมช. ภูมิใจครบ 9 เดือนเศษตั้งศบค.คนไทยให้ความร่วมมือแก้วิกฤตเป็นอย่างดี แนะประชาชนฉลองปีใหม่มิตินิวนอร์มอล พร้อมรับผิดชอบสังคม กลับจากพื้นที่เสี่ยงต้องกักตัวเอง 14 วัน หากพบมีอาการพบแพทย์ใกล้บ้านทันที

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่า ภายหลังที่ได้รับมอบภารกิจดูแลศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) มาตั้งแต่ 25 มี.ค. 2563 ที่ผ่านมาได้มีการบูรณาการการทำงานระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงต่างประเทศ และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งปัจจุบันก็ครบ 9 เดือนเศษ แล้วที่ตนได้มีส่วนในการบริหารสถานการณ์โควิด-19 มา ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าหนักใจ เพราะได้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับประชาชน และส่วนราชการต่างๆ ในการบูรณาการแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด แต่สิ่งที่ยังเป็นห่วง คือ ในส่วนของความร่วมมือของทุกภาคส่วน ซึ่งยังมีบางส่วนที่ยังมีความเข้าใจไม่ตรงมาตรการป้องกันโรค แต่จากการทำงานตรงนี้มาก็ยังคงมั่นใจในความร่วมมือของประชาชนคนไทย 

พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จะเห็นว่าในห้วงเวลาที่ผ่านมารู้สึกมีความภาคภูมิใจว่า เมื่อเราเกิดเหตุการณ์วิกฤตขึ้นในประเทศ แต่พี่น้องประชาชนคนไทยให้ความร่วมมือกับมาตรการป้องกันโควิด-19 ด้วยดี เมื่อเปรียบเทียบกับหลายประเทศที่ประสบปัญหาความร่วมมือของประชาชนภายในประเทศของตนเอง แต่สำหรับประชาชนคนไทยนั้น ได้ให้ความร่วมมือตลอดมาเป็นอย่างดี จึงคิดว่าตรงนี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เราสามารถป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศได้ดีกว่าหลายประเทศ 

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า อย่างไรก็ตามสำหรับช่วงเทศกาลปีใหม่ ในฐานะที่ตนเป็นเลขาฯสมช. และรับผิดชอบกำกับดูแลศบค. ในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ด้วยนั้น ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ขอให้ประชาชนคนไทยมีความสุขและสุขภาพกายแข็งแรง โดยขอให้ประชาชนฉลองปีใหม่ในมิตินิวนอร์มอล เพื่อปราศจากโรคโควิด-19 หากคนที่รู้ตัวเองว่าเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง หรือเดินทางกลับเข้าภูมิลำเนาแล้ว ก็ต้องช่วยรับผิดชอบต่อสังคมในการกักตัวเอง ไม่สัมผัสกับผู้อื่นอย่างน้อย 14 วัน และเฝ้าสังเกตอาการว่ามีความผิดปกติหรือไม่ หากมีความผิดปกติก็รีบไปพบแพทย์ 

"ที่สำคัญต้องระมัดระวังอยู่เสมอถ้ามีอาการผิดปกติ ต้องสงสัยไว้ก่อนว่าตัวเราอาจมีความเสี่ยงเป็นโควิด-19 ดังนั้นในการไปพบแพทย์ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้แพทย์พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ ติดเชื้อจากเราไปด้วย เพราะการที่แพทย์ 1 คน และพยาบาล 1 คนติดเชื้อนั้นก็จะมีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนที่จะเข้ารับการรักษาอีกจำนวนมาก ดังนั้นขอให้เข้าไปปรึกษาแพทย์หรือสถานพยาบาลใกล้บ้าน เพราะการที่บางครั้งตัวเองสงสัยว่าจะเป็นโควิด หรือไม่ ก็พยายามเดินทางไปโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียง แต่ในช่วงระหว่างการเดินทางก็มีโอกาสเสี่ยงแพร่เชื้อ หรือสัมผัสคนอื่นๆ ไปด้วย ดังนั้นขอให้ไปปรึกษาแพทย์และสถานพยาบาลใกล้บ้านที่สุดก่อน" พล.อ.ณัฐพล กล่าว

เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวถึงมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงยังคงเพิ่มมาตรการเข้มข้นโดยเฉพาะตามแนวชายแดนได้ประสานกับหน่วยงานด้านความมั่นคงประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งการให้คำแนะนำด้านสาธารณสุขกับหน่วยงานความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย เพื่อรักษาความมมั่นคงทั้งในด้านสาธารณสุขและในด้านการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย นอกจากนี้ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ประสานฝ่ายความมั่นคงจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัด รวมทั้งการลาดตระเวนตามแนวชายแดน ขณะเดียวกันมีการใช้เครื่องมือเฝ้าตรวจที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็รโดรน หรือเครื่องมือทางทหารและเครื่องมือใดๆ ก็ตามที่มาใช้ประโยชน์ในการเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนได้ 

พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ขณะที่ในจังหวัดพื้นที่แนวชายแดนตอนในก็ได้มีการประสานแจ้งฝ่ายปกครอง หรือผู้ว่าราชการจังหวัดในการเน้นย้ำนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ใหญ่บ้านในการเฝ้าระวังคนที่ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ส่วนในพื้นที่จังหวัดชั้นในก็ได้ประสานผู้ว่าราชการจังหวัดเช่นเดียวกัน ในการออกตรวจกิจการทั้งภาคอุตสาหกรรมหรือภาคเอกชนรายย่อย เพื่อการกวดขันการนำแรงงานที่ผิดกฎหมายที่จะลักลอบเข้ามาใหม่ โดยต้องเพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวัง รวมทั้งใช้กลไกของอาสาสมัครหมู่บ้านในการช่วยกันนำประชาชนมาร่วมมือเฝ้าสังเกตแรงงานข้ามชาติที่จะเข้ามาในพื้นที่ใหม่ เพราะอาจมีการลักลอบเข้ามาหรืออาจมีการเคลื่อนย้ายแรงงานจากพื้นที่เสี่ยงเข้ามาได้ จึงต้องให้อสม.เข้าไปช่วยดู ดังนั้นด้วยมาตรการดังกล่าวเป้นระบบที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถช่วยป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้

พล.อ.ณัฐพล กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามด้วยระยะทางตามแนวชายแดนของประเทศไทยที่ยาว และกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดจึงอาจมีการลักลอบเข้ามาได้ จึงอยากให้ประชาชนมั่นใจว่าด้วยระบบที่เรามีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้พยายามสกัดดั้นมาตามลำดับ

นอกจากนี้เมื่อวันที่ประชุมศบค. ได้เสนอให้กระทรวงมหาดไทยขับเคลื่อนให้มีกลไกของฝ่ายปกครอง และประเทศไทยที่มีตำบลกว่า 7,255 ตำบล เพื่อเฝ้าระวังการลักลอบเข้าเมืองอีกทางหนึ่ง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายในห้วงเวลาต่อไปจะทำได้ยากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยกันสอดส่องดูแลและเฝ้าระวัง หากพบแรงงานข้ามชาติที่ลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายขอให้แจ้งฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจให้รับทราบด้วย