ไม่พบผลการค้นหา
เครื่องดื่มชูกำลังจากประเทศไทย ได้รับความนิยมจากชาวเมียนมาร์เป็นอย่างมาก แต่ละเดือนมียอดจำหน่ายหลายสิบล้านขวด
เครื่องดื่มชูกำลังจากประเทศไทย ได้รับความนิยมจากชาวเมียนมาร์เป็นอย่างมาก แต่ละเดือนมียอดจำหน่ายหลายสิบล้านขวด เช่นเดียวกับสินค้าอุปโภคบริโภคอื่นๆ จากประเทศไทย ที่พวกเขามองว่าเป็นสินค้าระดับบน มีคุณภาพ จึงเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนไทย ที่จะไปเปิดตลาดในเมียนมาร์
 
ปี 2554 ทางการเมียนมาร์ได้ประกาศยกเลิกห้ามนำเข้าสินค้า 15 รายการ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภคยอดนิยม ทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยไปยังเมียนมาร์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ที่เมียนมาร์นำเข้าจากไทยเป็นอันดับ 1 มีมูลค่าประมาณ 3 พันล้านบาท
 
เครื่องดื่มชูกำลังจากไทยได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะมีรสชาติอร่อย ดื่มแล้วสดชื่น เป็นสินค้าเกรดพรีเมียม กระป๋องสีทองดูหรูหราตอกย้ำการเป็นสินค้าระดับบน ต่างกับมุมมองของคนไทย  
 
2 ปีที่ผ่านมาเครื่องดื่มชูกำลังของไทยโตขึ้นหลาย 10 เท่าในเมียนมาร์  หลักๆ เป็นการแข่งขันกันเองระหว่างแบรนด์ดังจากเมืองไทย ซึ่งโดยรวมมียอดจำหน่ายหลายสิบล้านกระป๋องต่อเดือน ในราคากระป๋องละ18-19 บาท
 
การจำหน่ายสินค้าของที่นี่เป็นการค้าปลีกแบบดั้งเดิมกว่า1แสน 5 หมื่นร้านทั่วประเทศ และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง การกระจายสินค้าจึงเป็นเรื่องสำคัญพอๆ กับการทำการตลาด
 
ปัจจุบันเมียนมาร์ยังไม่สามารถผลิตสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของคนในประเทศได้ ทำให้การนำเข้ามีความสำคัญอย่างมาก กลายเป็นจังหวะที่ดีของนักลงทุน 
 
สินค้าไทยมีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาชาวเมียนมาร์ มากกว่าสินค้าจากจีนและเวียดนาม ประชากรมีความคล้ายคลึงกันในด้านต่างๆ และชาวเมียนมาร์คุ้นเคยการใช้สินค้าไทย เพราะมีพรมแดนติดต่อกันถึง 2401 กิโลเมตร
 
ในจังหวะที่ประชาคมอาเซียนกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปี จึงถือเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยในอนาคต หากย้อนกลับไปในปี 2555 จะพบว่ามูลค่าการค้าของพม่า มีสินค้าไทยถึงร้อยละ 85  จึงทำให้ไทยได้เปรียบมากกว่าชาติอื่นๆ  สอดคล้องกับการประเมินเศรษฐกิจ จากสถาบัน EIU คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจพม่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.5 ในปี2556 เป็น 6.2 ในปี 2557  
Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog