สุลต่านบรูไน ทรงประกาศใช้กฎหมายชารีอะฮ์อย่างเคร่งครัดทั่วประเทศ พร้อมประกาศว่านี่คือก้าวสำคัญของการปฏิรูปประเทศให้เป็นมุสลิมเคร่งศาสนามากขึ้น
สุลต่านบรูไน ทรงประกาศใช้กฎหมายชารีอะฮ์อย่างเคร่งครัดทั่วประเทศ พร้อมประกาศว่านี่คือก้าวสำคัญของการปฏิรูปประเทศให้เป็นมุสลิมเคร่งศาสนามากขึ้น แม้ว่ากฎหมายที่ว่านี้จะบังคับใช้เฉพาะกับชาวมุสลิมก็ตาม
สุลต่านฮัซซานัล โบลเกียห์ ประมุขแห่งบรูไน ทรงประกาศใช้กฎหมายชารีอะฮ์ทั่วประเทศอย่างเป็นทางการ หลังจากมีการร่างกฎหมายดังกล่าวมานานหลายปี และเริ่มบังคับใช้บางส่วนแล้วตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พร้อมกับทรงเปิดเผยว่าการผลักดันกฎหมายอิสลามให้บังคับใช้อย่างจริงจังในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการปฏิรูปประเทศให้เป็นรัฐอิสลามที่เคร่งครัดมากขึ้น
ภายใต้กฎหมายอิสลามฉบับใหม่นี้ ประชาชนที่ทำผิดในข้อหาต่างๆ จะถูกลงโทษอย่างเด็ดขาดด้วยวิธีดั้งเดิม เช่นหากขโมยของจะถูกตัดมือ หรือผู้ที่ประพฤติผิดทางเพศ เช่นมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส หรือเป็นกลุ่มรักเพศเดียวกัน จะถูกจับมัดกับหลักและให้สาธารณชนรุมขว้างหินจนตาย
กฎหมายชารีอาจะมีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ภายใน 6 เดือนหลังจากการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ โดยจะใช้กับพลเมืองที่เป็นมุสลิม ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของประเทศเท่านั้น ไม่รวมถึงศาสนาอื่นๆ ซึ่งแตกต่างจากประเทศในตะวันออกกลางที่นิยมใช้กฎหมายชารีอาแบบครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นพลเมืองของตนเองหรือพลเมืองต่างชาติและต่างศาสนา
การที่บรูไน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นประเทศมุสลิมสายกลางมาโดยตลอด ประกาศใช้กฎหมายชารีอะฮ์แบบเคร่งครัด แทนที่ระบบกฎหมายแบบอังกฤษผสมกับกฎหมายอิสลามแบบเดิมที่ใช้มานับตั้งแต่การประกาศเอกราชจากอังกฤษ ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง นักวิชาการบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่ากฎหมายชารีอาไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมรักสงบแบบมาเลย์ของชาวบรูไนส่วนใหญ่
ขณะที่บางส่วนกลับมองว่าการประกาศใช้กฎหมายนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลบรูไนเคยประกาศใช้กฎหมายเคร่งศาสนาอย่างการบังคับให้บริษัทห้างร้านทั่วประเทศปิดทำการในวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันละหมาดใหญ่ รวมถึงให้มีการสอนศาสนาอิสลามในการศึกษาภาคบังคับมาแล้ว
