กองทัพเรือสหรัฐเตรียมปล่อยเรือพิฆาตล่องหน ลำใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสร้าง มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ติดจรวดนำวิถี ยิงหัวรบได้ไกล 160 ก.ม.
เรือยูเอสเอส ซูมวอลต์ กำลังจะลงน้ำที่มลรัฐเมนทางตะวันออกของสหรัฐในไม่กี่วันข้างหน้า หลังจากพิธีปล่อยต้องเลื่อนเมื่อสัปดาห์ก่อน เพราะปัญหาชัตดาวน์ของรัฐบาลกลาง
@ ยูเอสเอส ซูมวอลต์ ติดตั้งจรวดโทมาฮอว์ค 80 ลูก ปฏิบัติภารกิจสนับสนุนหน่วยนาวิกโยธินในการยกพลขึ้นบก
ยูเอสเอส ซูมวอลต์ เป็นเรือพิฆาตที่ใหญ่ที่สุดและแพงที่สุดของสหรัฐ ติดตั้งปืนที่สามารถยิงหัวรบได้ไกลถึง 160 ก.ม. มีระบบหลบหลีกเรดาร์ ใช้เครื่องยนต์ที่สามารถปั่นไฟได้มากพอจะจ่ายให้แก่บ้าน 78,000 หลังคาเรือน
เรือลำนี้ตั้งชื่อตามพลเรือเอกเอลโม ซูมวอลต์ ผู้วายชนม์ ซึ่งเคยได้รับเหรียญกล้าหาญ ที่ได้บังคับการเรือพิฆาตในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และมีชัยในยุทธนาวีอ่าวเลย์เต ที่ประเทศฟิลิปปินส์
@ ภาพวาดแสดงปฏิบัติการของเรือพิฆาตชั้นใหม่ ซูมวอลต์
เขาเป็นผู้บัญชาการรบที่อายุน้อยที่สุดด้วยวัย 49 ปี มีผลงานผลักดันให้ยกเลิกการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ และอนุญาตให้ผู้หญิงขึ้นประจำการบนเรือได้เป็นครั้งแรก
บริษัท Bath Iron Works เป็นผู้ต่อเรือที่มีความสูง 32 เมตร และมีความยาวมากกว่าเรือพิฆาตในปัจจุบัน 30 เมตรลำนี้
@ ยูเอสเอส ซูมวอลต์ มูลค่า 7,000 ล้านดอลลาร์ ที่อู่ในเมืองบาธ มลรัฐเมน นับเป็นเรือพิฆาตลำใหญ่ที่สุดเท่าที่สหรัฐเคยสร้าง
ลำเรือออกแบบให้ฝ่าแหวกคลื่นได้ดี ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ติดอุปกรณ์โซนาร์ชั้นสูง จรวดนำวิถี และปืนยิงหัวรบที่ขับดันด้วยจรวด จึงช่วยให้ยิงได้ไกล 160 ก.ม.
เรือลำนี้ไม่มีหอเรดาร์ และเสาอากาศสูงลิ่ว แต่กลับออกแบบให้เตี้ย เพื่อให้สะท้อนคลื่นเรดาร์น้อยที่สุด ช่วยให้ตรวจจับได้ยากกว่าเรือลำอื่น
@ แบบจำลองของเรือพิฆาต ชั้นซูมวอลต์ ตั้งแสดงในพิธีลงนามสัญญาจ้างต่อเรือ ที่เพนตากอน
ด้วยความสามารถในการผลิตพลังงานไฟฟ้า 78 เมกะวัตต์ ในอนาคต เรือพิฆาตที่สร้างเป็นลำแรกของชั้นใหม่ ที่เรียกว่าชั้นซูมวอลต์ ลำนี้ จะติดตั้งปืนแม่เหล็กไฟฟ้าแบบรางคู่ขนาน ซึ่งอาศัยสนามแม่เหล็กและกระแสไฟฟ้าในการยิงวัตถุ ซึ่งวัตถุที่ยิงออกไปนั้นจะมีความเร็วเหนือเสียง 7 เท่า
ด้วยเหตุที่ใช้คอมพิวเตอร์และระบบอัตโนมัติอย่างมาก เรือลำนี้จึงใช้ลูกเรือแค่ 158 คน น้อยกว่าบนเรือพิฆาตรุ่นที่ใช้กันในปัจจุบันเกือบครึ่ง
กองทัพเรือสหรัฐมีแผนจะต่อเรือพิฆาตชั้นนี้รวม 3 ลำ ลำแรกก็คือ ซูมวอลต์ ลำนี้.
ที่มา : Daily Mail
ภาพ : AP