ไม่พบผลการค้นหา
เทศกาลอีดิล อัฏฮา ที่ต้องมีการเชือดสัตว์พลีให้กับผู้ยากไร้ของชาวมุสลิม ทำให้สภาศาสนาอิสลามในซีเรีย
เทศกาลอีดิล อัฏฮา ที่ต้องมีการเชือดสัตว์พลีให้กับผู้ยากไร้ของชาวมุสลิม ทำให้สภาศาสนาอิสลามในซีเรีย ต้องตัดสินใจแก้ไขข้อบังคับใหม่ ด้วยการอนุญาตให้ชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ถูกกลุ่มกบฏยึดครอง สามารถรับประทานเนื้อสุนัข แมว หรือลาได้ เพื่อบรรเทาปัญหาความอดอยากและหิวโหย พร้อมเรียกร้องให้นานาชาติ เร่งให้ความช่วยเหลือชาวซีเรียที่เดือดร้อนจากภาวะสงครามกลางเมืองโดยเร็วที่สุด
 
 
สภาศาสนาอิสลามในซีเรีย ได้มีคำวินิจฉัยอนุญาตให้ชาวมุสลิม ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชานกรุงดามัสกัส ซึ่งอยู่ภายใต้การยึดครองของกลุ่มกบฏ  สามารถรับประทานเนื้อสัตว์ จำพวกเนื้อสุนัข เนื้อแมว หรือเนื้อลาได้ โดยก่อนหน้านี้ เนื้อสัตว์ประเภทดังกล่าว ถือเป็นเนื้อสัตว์ที่ห้ามรับประทาน ตามธรรมเนียมปฏิบัติของชาวมุสลิม แต่ด้วยเหตุสุดวิสัย อย่างภาวะสงครามกลางเมือง ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปี ได้ทำให้ชาวมุสลิมกลุ่มนี้ เผชิญกับความยากลำบาก ขาดแคลนอาหารและยารักษาโรคอย่างหนัก ดังนั้น การอนุญาตให้พวกเขารับประทานเนื้อสัตว์ที่เคยเป็นสิ่งต้องห้าม อาจจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนไปได้บ้าง
 
 
ถ้อยแถลงดังกล่าวของสภาศาสนาอิสลามเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลอีดิล อัฏฮา ซึ่งถือเป็นวันหยุด ที่มีการเฉลิมฉลองใหญ่ โดยหนึ่งในพิธีเฉลิมฉลอง ก็คือการเชือดสัตว์ เพื่อนำมาเป็นอาหารให้กับประชาชนผู้ยากไร้และอดอยาก แต่ดูเหมือนว่า การประกอบพิธีดังกล่าวในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของฝ่ายกบฏจะเป็นเรื่องยากพอสมควร จึงเกิดการผ่อนปรนข้อบังคับในลักษณะดังกล่าว ซึ่งนอกจากพื้นที่ชานกรุงดามัสกัสแล้ว ยังมีรายงานว่า ตามเมืองใหญ่อย่างอเลปโป และฮอมส์ ก็มีการผ่อนปรนข้อบังคับในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน
 
 
พร้อมกันนี้ สภาศาสนาอิสลามในซีเรียยังเรียกร้องให้ประชาคมโลก ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือชาวซีเรียมากกว่านี้ เนื่องจากตอนนี้ ชาวซีเรียส่วนใหญ่ ประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร และมีแนวโน้มว่า สถานการณ์อาจเลวร้ายลงกว่านี้ โดยเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวซีเรียหลายร้อยคน ได้อพยพออกจากพื้นที่โดยรอบชานกรุงดามัสกัส หลังจากที่กลุ่มกบฏได้ทำข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวกับรัฐบาลซีเรีย
 
 
ทางด้านหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับกระทบจากภาวะสงครามกลางเมืองในซีเรีย ก็ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลซีเรีย เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน ในพื้นที่ที่ถูกกลุ่มกบฏยึดครองก่อนเป็นอันดับแรก เพราะประชาชนกลุ่มนี้ ไม่ต่างอะไรกับการติดกับดัก เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเดินทางเข้า-ออกในพื้นที่ได้ อีกทั้ง ความช่วยเหลือจากภายนอกก็ยังถูกสกัดกั้นอีกด้วย
 
 
ขณะที่ ผู้อำนวยการขององค์การแพทย์ไร้พรมแดน ก็แสดงความเห็นว่า นับว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระเป็นอย่างยิ่ง ที่คณะผู้ตรวจสอบอาวุธเคมีจากสหประชาชาติได้รับอนุญาตให้เข้าไปตรวจสอบการใช้อาวุธเคมีโจมตีประชาชนโดยรอบชานกรุงดามัสกัส แต่คณะเจ้าหน้าที่ ที่จะเข้าไปให้ความช่วยเหลือประชาชน กลับถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ชาวซีเรียจำนวนมาก ต้องอยู่อย่างยากลำบากมาจนถึงตอนนี้
Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog