ชายที่ถูกกล่าวหาว่าจับบั้นท้ายหญิงสาวคนหนึ่งขณะโดยสารรถไฟฟ้า บีทีเอส และหญิงสาวได้โพสต์ข้อความพร้อมรูปกล่าวหาชายคนดังกล่าว และมีผู้นำไปโพสต์ผ่านเว็บไซต์พันทิป ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาเสื่อมเสียชื่อเสียง ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหา ยืนยันว่าไม่ได้กระทำ และจะดำเนินฟ้องร้องดำเนินคดี
เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา มีผู้ใช้ชื่อว่า KkapKao ตั้งกระทู้ผ่านเว็บไซต์พันทิป '(เตือนภัย) อุธาหรณ์สอนใจหญิงแท้ฉบับแรกและสุดท้าย' โดย KkapKao ระบุว่า นำเรื่องของเพื่อนที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊คมาแชร์ต่อ เป็นเหตุการณ์ที่หญิงสาวคนที่โพสต์ข้อความประสบเจอระหว่างโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งอ้างว่า ขณะอยู่บนรถไฟฟ้าถูกผู้ชายคนหนึ่งจับบั้นท้าย ซึ่งหญิงสาวได้ถ่ายภาพของชายคนหนึ่งและนำมาโพสต์ระบุตัวตนว่า ชายคนในรูปคือผู้ที่จับบั้นท้ายของเธอ (ที่มา : http://pantip.com/topic/31001028)
หลังจากที่กระทู้นี้เผยแพร่ออกไป ผู้ชายที่ถูกกล่าวหาได้ติดต่อไปยังทีมงานเว็บไซต์พันทิป เพื่อชี้แจง พร้อมยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนที่จับบั้นท้ายหญิงสาว ซึ่งเมื่อมีการเผยแพร่ภาพพร้อมข้อความผ่านเว็บไซต์พัน��ิป และโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้กระทำการดังกล่าว ทำให้ชายที่ถูกกล่าวหาตกเป็นจำเลยของสังคม ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นคนโรคจิต ทั้งๆที่ไม่ได้ทำ โดยชายผู้ถูกกล่าวหาเตรียมฟ้องร้องดำเนินคดีกับหญิงสาวที่โพสต์ข้อความหาไม่ติดต่อกลับมาภายในวันที่ 26 กันยายนนี้ พร้อมระบุว่า หากไม่สามารถติดต่อได้ผมจำเป็นต้องแจ้งความเพื่อดำเนินคดีหมิ่นประมาทขั้นสูงสุดกับผู้กล่าวหา, ผู้ลงข้อความแสดงความเห็นในเชิงหมิ่นประมาท และผู้ร่วมในการแชร์ข้อความ เพื่อพิสูจน์ความจริง ผมไม่ได้ต้องการเงินทองและไม่ได้ต้องการให้ใครต้องโทษจำคุก แต่ผมต้องการแสดงความบริสุทธิ์จากการกล่าวหาอย่างรุนแรงครั้งนี้
เหตุการณ์นี้ถือเป็นกรณีตัวอย่างให้ผู้คนที่ชอบโพสต์รูปและข้อความในโลกออนไลน์ เพราะหากพาดพิงกล่าวหาใคร ผู้โพสต์ และผู้ที่ร่วมแสดงความคิดเห็นอาจเข้าข่ายกระทำความผิด ตามกฎหมายอาญาและพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ทั้งนี้ทีมงานเว็บไซต์พันทิป มีการจัดทำคำแนะนำเกี่ยวกับการโพสต์แสดงความคิดเห็นที่เข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาท ดังนี้
การโพสต์ข้อความอันเข้าข่ายหมิ่นประมาทนั้น อาจเสี่ยงที่จะเป็นความผิดตามกฎหมายทั้งทางแพ่งและทางอาญาใน 3 มาตรา
1) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 "ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือ ถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
2) ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 "ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏด้วยวิธีใด ๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียงบันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีและปรับไม่เกินสองแสนบาท"
3) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 423 "ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหาย แก่ชื่อเสียง หรือ เกียรติคุณ ของบุคคลอื่น ก็ดี หรือ เป็นที่เสียหาย แก่ทางทำมาหาได้ หรือ ทางเจริญของเขา โดยประการอื่น ก็ดี ท่านว่าผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหาย อย่างใดๆ อันเกิดแต่การนั้น แม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง แต่หากควรจะรู้ได้
ผู้ใด ส่งข่าวสาร อันตนมิได้รู้ว่า เป็นความไม่จริง หากว่า ตนเอง หรือ ผู้รับข่าวสารนั้น มีทางได้เสีย โดยชอบ ในการนั้นด้วยแล้ว ท่านว่า เพียงที่ส่งข่าวสารเช่นนั้น หาทำให้ผู้นั้น ต้องรับผิด ใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่"
ดังนั้นการโพสต์ข้อความในอินเทอร์เน็ต ไม่ว่า คนโพสต์จะเป็น "ผู้ใด" หากทำให้คนอื่นเสียหาย ก็เป็นความผิดตามกฎหมายได้ เนื่องจากการ หมิ่นประมาทถ้าได้โพสต์หรือกล่าวพาดพิง ถึงใครให้คนอื่นฟัง ก็ถือเป็นการ "ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม" ถ้าข้อความที่โพสต์ ทำให้ผู้อ่านรู้สึก ไม่ดีกับผู้ที่ถูกกล่าวพาดพิงย่อมเป็นการโพสต์หรือกล่าวที่อาจเข้าข่าย "โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง" ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายได้ และเมื่อได้โพสต์ในอินเทอร์เน็ต ถือเป็นการ "หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา" ซึ่งโทษหนักกว่า กี่ยวกับการโพสต์แสดงความคิดเห็นที่เข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาท (อ่านคำแนะนำฉบับเต็มได้ที่ http://pantip.com/watchout/)
ที่มา : เว็บไซต์พันทิป