Travel Marvel ประจำวันที่ 21 กันยายน 2556
Travel Marvel วันนี้ คุณสุทธิพร บุญช่วย ผู้สื่อข่าววอยซ์ทีวี จะพาคุณผู้ชมไปเที่ยวที่น้ำพุเทรวี ในกรุงโรมของอิตาลี ที่ที่ใครก็มาโยนเหรียญตามความเชื่อที่ว่าจะได้กลับมาที่โรมอีกครั้ง เบื้องหลังความเชื่อดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร และประวัติการสร้างน้ำพุเทรวี มีมาอย่างยาวนานแค่ไหน
Fontana di Trevi หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อของ "น้ำพุเทรวี" อันโด่งดัง อาจเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในน้ำพุที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ด้วยความสูงกว่า 26.3 เมตร และกว้างกว่า 49.15 เมตร อีกทั้งยังตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม ทำให้ผู้ที่มาเยือนอิตาลี ย่อมไม่พลาดที่จะมาที่น้ำพุแห่งนี้อย่างแน่นอน
น้ำพุเทรวี เป็นน้ำพุยุคบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 15 เพื่อเป็นจุดสิ้นสุดของทางส่งน้ำที่มีชื่อว่า Aqua Virgo ซึ่งเป็นทางส่งน้ำที่สร้างขึ้นด้วยมนุษย์ตั้งแต่สมัย 19 ปีก่อนคริสตกาล เพื่อนำน้ำจากแหล่งน้ำพุร้อนซาโลเนมายังโรงอาบน้ำและบ้านเรือนต่างๆในกรุงโรม โดยแหล่งน้ำแห่งนี้ อยู่ห่างจากกรุงโรมไปราว 8 ไมล์ แต่ความยาวของทางส่งน้ำมีมากถึง 14 ไมล์
กว่าจะมาเป็นน้ำพุเทรวีเช่นทุกวันนี้ได้นั้น ต้องอาศัยระยะเวลาการก่อสร้างอย่างยาวนาน และใช้สถาปนิกออกแบบถึง 3 คน 3 ยุค เริ่มตั้งแต่ปีคริสตศักราช 1453 สมเด็จพระสันตะปาปานิโคลัสที่ 5 ทรงมีพระดำริให้ก่อสร้างผลงานประติมากรรมบริเวณน้ำพุเทรวี ต่อมาในปีคริสตศักราช 1629 พระสันตะปาปาเออร์บันที่ 8 ทรงสานต่อพระประสงค์ของโป๊ปนิโคลัส ด้วยการสั่งให้จิอัน ลอเรนโซ แบร์นินี นักประติมากรรมชื่อดังรับผิดชอบงานดังกล่าวต่อ แต่พระองค์ก็สิ้นพระชนม์เสียก่อนจะได้เห็นผลงานเป็นรูปธรรม
ซึ่งแม้ว่าโป๊ปเออร์บันจะสิ้นพระชนม์แล้ว แต่ผลงานการออกแบบของแบร์นินีก็ยังคงอยู่ จากนั้น นิโคลา ซัลวี สถาปนิกชื่อดังก็ได้มารับหน้าที่นี้ต่อ และการก่อสร้างน้ำพุเทรวี ก็เริ่มต้นขึ้นในปีคริสตศักราช 1732 และแล้วเสร็จในอีก 3 ทศวรรษต่อมา โดยก่อนหน้าที่ซัลวีจะเสียชีวิตลง เขาได้มอบหมายให้จูเซปเป้ ปานนินี ศิลปินรุ่นใหม่ เป็นผู้สืบทอดและดูแลน้ำพุนี้ต่อจากเขา ดังนั้น น้ำพุเทรวีที่เราเห็นทุกวันนี้ จึงเป็นฝีมือของศิลปิน จาก 3 ยุค 3 สมัย และใช้เวลาตั้งแต่เริ่มต้นแนวคิดในการก่อสร้าง มาจนถึงวันที่สร้างเสร็จนานหลายร้อยปี
แน่นอนว่า นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ทุกคน นอกจากจะต้องดื่มน้ำจากก๊อกน้ำที่อยู่ด้านข้างน้ำพุแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือ การมารอโยนเหรียญลงไปในสระน้ำที่อยู่ด้านหน้า ตามความเชื่อที่ว่า หากโยนเหรียญลงไปแล้ว จะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีก ทำให้หลายคนอาจจะสงสัยว่า ความเชื่อนี้เป็นจริงหรือไม่ และต้นกำเนิดของธรรมเนียมดังกล่าว มาจากที่ใด วันนี้เรามีคำตอบ
จุดเริ่มของการโยนเหรียญลงไปในสระน้ำหน้าน้ำพุแห่งนี้ มาจากภาพยนตร์เจ้าของรางวัลออสการ์เรื่อง Three Coins in the Fountain ที่ออกฉายในปี 1954 ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่อง Coins in the Fountain ของ John H. Secondari เป็นเรื่องราวของหญิงอเมริกัน 3 คน ที่มาทำงานในกรุงโรม และมีความใฝ่ฝันว่าจะเจอรักแท้ ซึ่งตอนจบของเรื่องพวกเธอก็สมหวัง และได้กลับมาพบกับคู่รักอีกครั้ง ซึ่งวิธีการโยนเหรียญลงไปในสระน้ำหน้าน้ำพุที่ถูกต้อง ต้องใช้มือขวาจับเหรียญ และโยนเหรียญผ่านไหล่ซ้าย ซึ่งเป็นวิธีการเดียวกับที่ตัวละครในเรื่องทำนั่นเอง
ว่ากันว่า ในแต่ละวัน เจ้าหน้าที่สามารถเก็บเหรียญจากน้ำพุแห่งนี้ ได้มากถึง 3,000 ยูโร หรือราว 125,000 บาท ซึ่งเงินเหล่านี้ จะถูกนำไปใช้ในการกุศล เช่น การนำไปมอบให้กับซูเปอร์มาร์เก็ต เพื่อแจกจ่ายอาหารให้กับผู้ยากไร้ ส่วนการเดินทางมาที่นี่ ก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด สามารถนั่งรถเมล์ หรือรถไฟใต้ดินมาได้ เที่ยวชมได้ทั้งกลางวันและกลางคืนค่ะ