ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีพี่ฟ้องน้องในมาตรา 112 หลังจากมีการพิจารณาสืบพยานทั้งสองฝ่าย แล้วศาลได้มีคำสั่งยกฟ้อง
ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีพี่ฟ้องน้องในมาตรา 112 หลังจากมีการพิจารณาสืบพยานทั้งสองฝ่าย แล้วศาลได้มีคำสั่งยกฟ้อง
วันนี้ (13 ก.ย.)ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก มีการนัดฟังคำพิพากษาคดีตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กรณีนายยุทธภูมิ มาตรนอก ถูกพี่ชายแท้ๆของตนเอง คือนายธนะวัฒน์ มาตรนอก ฟ้องร้องกล่าวหา ว่าเมื่อประมาณปลายเดือนสิงหาคม 2552 นายยุทธภูมิ ได้พูดจาจาบจ้วงพระมหากษัตริย์ ขณะกำลังดูโทรทัศน์ และหลังจากนั้นประมาณ 5 วัน ได้เขียนข้อความลงบนแผ่นซีดี "หยุดก้าวล่วงพระเจ้าอยู่หัว เนวินขอทักษิณ" ด้วยถ้อยคำหยาบคาย
ซึ่งจากการสืบพยานที่ผ่านมา ฝ่ายพยานโจทก์ คือนายธนะวัฒน์ ผู้เป็นพี่ชาย กล่าวหาว่านายยุทธภูมิเป็นบุคคลที่มีความประพฤติไม่ดี ชอบเมาสุรา ไม่ให้ความเคารพพี่ชาย และชอบพูดจาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยผลจากการตรวจสอบหลักฐานซีดี โดยกองพิสูจน์หลักฐาน ก็พบว่าเป็นลายมือของจำเลยจริง ในขณะที่พยานจำเลย ซึ่งประกอบด้วยมารดา ภรรยา และเพื่อนบ้านของทั้งสองคน เบิกความว่าพี่น้องทั้งสองคน มักทะเลาะเบาะแว้งกันด้วยเรื่องส่วนตัวและเรื่องธุรกิจกันเป็นประจำ และยืนยันว่านายยุทธภูมิเป็นผู้มีความจงรักภักดี ไม่ได้มีความฝักใฝ่ทางการเมืองแต่อย่างไร
โดยศาลได้อ่านคำพิพากษา โดยพิจารณาจากการสืบพยานและพิสูจน์หลักฐานแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าพยานโจทก์และจำเลย ซึ่งเป็นพี่น้องกัน มักมีเหตุทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำ จนถึงขั้นจะลงมือทำร้ายร่างกายกัน จึงต้องรับฟังพยานโจทก์ด้วยความระมัดระวัง ซึ่งในหลายครั้ง พยานโจทก์ ก็ได้เบิกความไม่ตรงกับการให้การในชั้นสอบสวน จึงนับว่ามีพิรุธอย่างยิ่ง และอาจจะเป็นการใส่ความกลั่นแกล้งกันได้
และแม้จากการตรวจสอบหลักฐาน ลายมือของจำเลย จะตรงกับที่อยู่บนแผ่นซีดีจริง แต่ทว่าการตรวจสอบหลักฐานก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดจริง อีกทั้งมารดา ภรรยา และเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นพยานจำเลย ยืนยันตรงกันว่าจำเลยมีความจงรักภักดี ศาลจึงเห็นสมควร พิพากษายกฟ้องจำเลย
