ผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรไทย สนับสนุนให้รัฐถอดใบกระท่อม ออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 เนื่องจากสรรพคุณของพืชชนิดนี้ มีประโยชน์ทางการแพทย์มากมาย
ด้านผู้เชี่ยวชาญสมุนไพรไทย อย่างเภสัชกรหญิง สุภาภรณ์ ปิติพร จากโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร สนับสนุนให้รัฐถอดใบกระท่อม ออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 เนื่องจากสรรพคุณของพืชชนิดนี้ มีประโยชน์ทางการแพทย์มากมาย และไทยก็เป็นชาติเดียวในโลก ที่รู้จักวิธีการใช้ใบกระท่อมเป็นยา และเห็นว่าสิ่งสำคัญที่รัฐต้องทำควบคู่กันคือ แนวทางควบคุมการปลูก และการนำไปใช้จะต้องมีความชัดเจน
สรรพคุณทางยาของใบกระท่อม เช่น แก้ปวดท้อง , แก้บิด , แก้ท้องเสีย , แก้ปวดเมื่อย , แก้เบาหวาน และแก้ไข้ รวมทั้งในงานวิจัยของชาวอังกฤษและญี่ปุ่น ที่ตีพิมพ์รายงานวิชาการระบุว่า สารธรรมชาติในใบกระท่อม สามารถแก้ปวด ลดไข้ มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นยาแก้ปวดตัวใหม่ได้ โดยไม่มีฤทธิ์เสพติดเหมือนฝิ่น
ขณะที่ในด้านประวัติศาสตร์ ใบกระท่อมคือเป็นยุทธปัจจัยหนึ่งในการออกรบของทหาร เพราะทำให้ขยัน นอนหลับดี สามารถทำงานทนแดด-ทนลม รวมทั้งใช้กินเพื่อต้องการเลิกฝิ่นได้ นอกจากนี้ยังใช้รับแขกเหมือนหมากพลู และใช้กินกับน้ำชา โดยผู้ที่เคยกินใบกระท่อมเป็นประจำ ต่างบอกว่า เลิกง่ายกว่า "หมาก"
ตั้งแต่ปี 2486 รัฐบาลประกาศห้ามมิให้ผู้ใดผลิต จำหน่าย และครอบครองใบกระท่อม เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ต่อมาในปี 2522 มีการประกาศให้ใบกระท่อมเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 เช่นเดียวกับกัญชา และฝิ่น ทำให้ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปีที่ผ่านมา วงการแพทย์ไทยสูญเสียโอกาสในการวิจัยใบกระท่อมเพื่อการรักษาโรค ทั้งที่เป็นพืชพื้นถิ่นของไทย
ขณะที่ในต่างประเทศ ส่วนใหญ่ไม่ได้มีออกกฎหมายควบคุมใบกระท่อม หรือประกาศให้เป็นสารเสพติดเหมือนในไทย ยกเว้นออสเตรเลีย กับนิวซีแลนด์ ที่บรรจุให้ใบกระท่อมอยู่ในบัญชีสารต้องห้ามและสารเสพติด ประเภทเดียวกับกัญชา ฝิ่น และโคเคน ส่วนในประเทศเยอรมนี ไม่ได้รับรองใบกระท่อมเป็นยารักษาโรค