บริษัทโอสถสภา ทำหนังสือตอบรับยินดี ถอนโฆษณาเครื่องดื่มเปปทีน ทางโทรทัศน์ 1 สิงหาคมนี้
สคบ.ส่งหนังสือขอความร่วมมืองดโฆษณาเครื่องดื่มบำรุงสมอง ที่โฆษณาว่าสอบแพทย์ได้ หลังพบประเด็นที่อาจทำให้เข้าใจผิด ล่าสุดบริษัทโอสถสภา ถอนโฆณาชนิดนี้ 1 สิงหาคม
บริษัทโอสถสภา ทำหนังสือตอบรับยินดี ถอนโฆษณาเครื่องดื่มเปปทีน ทางโทรทัศน์ 1 สิงหาคมนี้ จากกรณีที่ สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแพทย์แห่งประเทศไทย เรียกร้องให้ บริษัท โอสถสภา จำกัด ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดื่ม "เปปทีน" ให้ละเว้นการนำนิสิตนักศึกษาแพทย์ มารับหน้าที่พรีเซ็นเตอร์ในโฆษณาเครื่องดื่มชนิดนี้ เพราะก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสม และอาจเป็นการละเมิดหลักจรรยาบรรณนิสิตนักศึกษาแพทย์บางประการ
ขณะที่ คุณจิรชัย มูลทองโร่ย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ทำหนังสือถึง บริษัท โอสถสภา จำกัด ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชนิดนี้ เพื่อขอความร่วมมือให้งดแพร่ภาพการโฆษณา โดยระบุว่า โฆษณาดังกล่าว ได้ระบุถึงการเตรียมสมองเพื่อพร้อมสอบ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อผู้บริโภค โดยพบประเด็นการโฆษณาที่อาจจะทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดใน 4 ประเด็นคือ
1.การโฆษณาเกี่ยวกับสรรพคุณของเครื่องดื่มที่มีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสมอง เช่น ทำให้สมองปลอดโปร่ง ช่วยจัดระบบความจำ เติมความรู้ที่ขาด รวมทั้งการสื่อให้เข้าใจว่าเมื่อดื่มแล้วจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ อาทิ คณะแพทยศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์
2.การโฆษณาที่สื่อให้เข้าใจว่าเมื่อเข้าร่วมโครงการเตรียมสมองพร้อมสอบจะสอบติดทั่วประเทศ
3.ความเหมาะสมของการนำนักศึกษาที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยต่างๆ มาโฆษณา โดยไม่ได้รับอนุญาตจากมหาวิทยาลัยที่เกี่ยวข้อง
4.การสื่อให้เข้าใจว่าหากเข้าร่วมโครงการเตรียมสมองพร้อมสอบจะทำให้ได้เป็นแพทย์เกี่ยวกับสมองหรือแพทย์เกี่ยวกับตา ซึ่งการสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังกล่าวเป็นเพียงสอบเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรีเท่านั้น การที่จะเป็นแพทย์ซึ่งเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสมองหรือตา หรืออื่นๆ จะต้องเรียนต่อโดยสอบเข้าเฉพาะด้านที่สูงกว่าปริญญาตรี และการเข้ามหาวิทยาลัยตามปกติ
ทั้งนี้ การควบคุมและตรวจสอบธุรกิจโฆษณา ปัจจุบัน สคบ. สั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการโฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ดาวเทียม และเคเบิลทีวี รวมถึงฟรีทีวี เบื้องต้นได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 10 แห่ง ที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลการโฆษณา ติดตามการโฆษณาของผู้ประกอบการที่บางรายอาจแฝงการหลอกลวงให้ผู้บริโภคหลงเชื่อ หรือโฆษณาสินค้าเกินความจริง และอาจส่งผลต่อผู้บริโภคได้รับอันตรายได้ในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ มีการตรวจสอบพบว่า บริษัท โอสถสภา เคยถูกสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เปรียบเทียบปรับมาแล้ว 5 ครั้ง เนื่องจากไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อาหาร พ.ศ. 2522 ในความผิดฐานโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารเพื่อประโยชน์ของการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต