ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรีไทยและประธานาธิบดีโมซัมบิก เห็นพ้องขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้เป็น 2 เท่า ภายใน 5 ปี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอัญมณี โรงแรม พลังงาน แปรรูปอาหาร และประกอบยานยนต์
นายกรัฐมนตรีไทยและประธานาธิบดีโมซัมบิก เห็นพ้องขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้เป็น 2 เท่า  ภายใน 5 ปี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอัญมณี โรงแรม พลังงาน แปรรูปอาหาร และประกอบยานยนต์  ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากในโมซัมบิก 
 
 
 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้อนรับนายอาร์มันโด เอมิลิโอ กูเอบูซา ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐโมซัมบิก ที่เข้าร่วมการประชุมนักธุรกิจ ที่โรงแรมโปลานา เซเรนา กรุงมาปูโต ประเทศโมซัมบิก เพื่อให้ภาคธุรกิจของไทยและโมซัมบิกได้หาโอกาสขยายความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างกัน
 
โดยนายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโมซัมบิก ได้กล่าวแสดงความยินดีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนประเทศโมซัมบิก เพราะเป็นการกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น  โดยกล่าวด้วยว่าเศรษฐกิจโมซัมบิกเติบโตในระดับเฉลี่ยร้อยละ 7 มาเกือบ 10 ปี แสดงให้เห็นว่ามีโอกาสในการขยายการลงทุนอีกมาก 
 
ซึ่งประธานาธิบดีโมซัมบิก ได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มีบทบาทในการสร้างสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ รวมถึงการลงนามในบันทึกความตกลงระหว่างกัน ที่จะช่วยทำให้มูลค่าการค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้กล่าวชื่นชมนักธุรกิจไทย ว่าเป็นนักธุรกิจที่มีหัวก้าวหน้า มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และมีวินัยในการทำธุรกิจ
 
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรีของไทยได้กล่าวว่า ไทยเลือกประเทศโมซัมบิกเป็นประเทศแรก  ในการเยือนทวีปอาฟริกา เพราะเห็นศักยภาพที่จะเชื่อมโยงต่อไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้ นอกจากนี้ภาคเอกชนของไทย ได้มีการลงทุนในโมซัมบิกจำนวนมหาศาล เช่น ปตท.สผ. รวมถึงบริษัทอิตาเลียนไทย ที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของโมซัมบิก เช่น ท่าเรือ และการขนส่งระบบราง ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงกับประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
 
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันที่จะขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันให้ได้เป็น 2 เท่าภายในระยะเวลา 5 ปี ดังนั้นภาคเอกชน  จึงมีบทบาทสำคัญในการทำให้มูลค่าการค้าเติบโต โดยเห็นว่าอุตสาหกรรมอัญมณี โรงแรม พลังงาน แปรรูปอาหาร ประกอบยานยนต์ ล้วนเป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้มากในโมซัมบิก และนอกจากการพัฒนาด้านการลงทุนแล้ว ไทยยังได้เปิดตัวโครงการอาสาสมัคร  ที่จะเป็นการส่งอาสาสมัครคนไทยเข้ามาช่วยพัฒนาโมซัมบิกในหลายๆ ด้าน เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระดับประชาชนต่อประชาชนอีกด้วย
 
 
หลังจากนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางเยือนสห สาธารณรัฐแทนซาเนีย ตามคำเชิญของนายจาคายา มริโช คิเควเต ประธานาธิบดีแทนซาเนีย ถือเป็นเยือนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 33 ปี นับตั้งแต่ 2 ประเทศ สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกันเมื่อปี 2523 โดยมุ่งกระชับความสัมพันธ์กับรัฐบาลแทนซาเนียและเสริมสร้างความร่วมมือใน ลักษณะของการเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา  
 
โดยเฉพาะความร่วมมือทาง ด้านวิชาการและการพัฒนาศักยภาพในสาขาที่แทนซาเนียต้องการและไทยมีความเชี่ยว ชาญ อาทิ ก๊าซธรรมชาติ เหมืองแร่ และการบริหารจัดการการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและการอนุรักษ์สัตว์ป่า โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีฯมีกำหนดการเข้าหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีแทนซาเนีย การร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลงและบันทึกความเข้าใจ 2 ฉบับ การกล่าว สุนทรพจน์เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ไทยต่อแอฟริกาและการเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติเซ เรงเกติ
 
 และสุดท้ายคือการเยือนสาธารณรัฐยูกันดาอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายโยเวรี คากูทา มูเซเวนี ประธานาธิบดียูกันดา ภายหลังที่ประธานาธิบดียูกันดาเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของ รัฐบาล เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยการเยือนครั้งนี้  เป็นไปเพื่อกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือ ในลักษณะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา โดยภาคเอกชนไทยจะเข้าไปให้ความรู้ในสาขาที่ไทยเชี่ยวชาญ อาทิ การเกษตรกรรม การประมง และสาธารณสุข รวมถึง การเสริมสร้างความร่วมมือทางการค้า เศรษฐกิจ และการลงทุน เพื่อเป็นพื้นฐานในความร่วมมือระหว่างกันต่อไป
Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
181Article
60261Video
0Blog