Culture Corner ประจำวันที่ 14 กรกฎาคม 2556
ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา แวดวงแฟชั่นและความงามทั่วโลกต่างก็ตื่นเต้นกับเทคนิกความงามใหม่ล่าสุดของสปาญี่ปุ่น ที่ใช้หอยทากเป็นๆ มาทำทรีทเมนต์หน้าให้สาวๆ culture corner จะพาคุณผู้ชมไปสำรวจโลกแห่งความงาม ที่มีเคล็ดลับแปลกๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้มูลนกพอกหน้า หรือใช้อสุจิหมักผม ไปชมพร้อมๆ กันเลยค่ะ
เรื่องความงามเป็นเรื่องที่ไม่เข้าใครออกใคร และสาวๆ ทั่วโลกก็ดูจะพร้อมยอมทำทุกอย่างเพื่อรูปหน้าเพอร์เฟ็ก ผิวเนียนละเอียดเต่งตึง หรือผมยาวสลวยเป็นเงางาม อย่างข่าวล่าสุดจากญี่ปุ่น ที่สปาในกรุงโตเกียวเปิดคอร์สพิเศษบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื่นเต่งตึง ด้วยการนำหอยทากเป็นๆ ขึ้นไปไต่เดินไปเดินมาบนหน้าของลูกค้า โดยมีความเชื่อว่าเมือกของหอยทาก มีสรรพคุณบำรุงผิวได้ดีกว่าครีมราคาแพงทั่วไป
สาวๆ หลายคนอาจจะบอกว่าการใช้เมือกหอยทาก ไม่ใช่เคล็ดลับความงามที่แปลกประหลาดอะไร เพราะในช่วงหลายปีมานี้ สาวเอเชียโดยเฉพาะญี่ปุ่นและเกาหลีก็ฮิตครีมบำรุงผิวที่ผสมสารสกัดจากเมือกหอยทากมาได้สักพักหนึ่งแล้ว จนเครื่องสำอางแบรนด์ดังหลากหลายยี่ห้อต่างก็ออกครีมหอยทากแข่งกันมากมาย ตั้งแต่หลักหมื่น ลงมาจนถึงไม่กี่ร้อยบาท
แต่สำหรับเคล็ดลับความงามที่คุณจะได้ยินต่อไปนี้ เชื่อแน่ว่าเป็นเคล็ดลับที่แปลกประหลาด ชนิดที่ว่าต่อให้สาวๆ อยากสวยแค่ไหน ก็ต้องชั่งใจก่อนที่จะลองทำตาม
เคล็ดลับแรกมาจากตำราความงามของเกอิชา เจ้าแห่งศิลปะและความงามของญี่ปุ่น เบื้องหลังผิวหน้าอันนวลเนียนและขาวราวกับหอมะของบรรดาเกอิชา มาจากมาส์กพอกหน้าชนิดที่คุณได้ยินแล้วคงต้องตะลึง นั่นก็คือ "มูลนก" เกอิชาจะนำมูลนกไนติงเกลพันธุ์พิเศษที่มีเฉพาะในญี่ปุ่น มาตากให้แห้ง แล้วบดเป็นผง ผสมกับแป้งทาหน้า ใช้ในการแต่งหน้า เชื่อกันว่ามูลนกไนติงเกลนี้ ทำให้ผิวของสาวๆกระจ่างใส นุ่มนวล และเต่งตึงเป็นสาวสองพันปี
สูตรนี้ไม่ได้แพร่หลายเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่สปาบางแห่งในนิวยอร์ก ก็มีบริหารพอกหน้าตำรับเกอิชา โดยใช้มูลนกตากแห้งด้วยเช่นกัน โดยสนนราคาของการเอามูลนกมาพอกหน้าอันแสนมีค่าของคุณนั้น แพงถึงครั้งละ 180 ดอลลาร์ หรือ 5,400 บาทเลยทีเดียว
สำหรับคุณผู้ชมที่คิดอยากจะทดลองมาส์กสูตรธรรมชาติตำรับเกอิชาที่ว่านี้ เราไม่การันตีว่ามูลนก ไม่ว่าจะเป็นไนติงเกล หรือนกกระจอก นกพิราบในบ้านเรา จะทำให้คุณมีผิวหน้าเนียนใสแบบสาวญี่ปุ่นได้จริงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ หน้าคุณคงจะต้องมีกลิ่นที่ไม่พึงปรารถนาเป็นของแถมอย่างแน่นอน
ส่วนอีกเคล็ดลับความงามที่ฟังแล้วไม่น่าเชื่อว่จะมีคนกล้าทำตาม ก็คือการหมักผมโดยใช้ "อสุจิ" สูตรนี้เป็นของซาลอนหรูแห่งหนึ่งในเมืองซานตาโมนิกา มลรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ ซาลอนแห่งนี้มีบริการสปาผมแบบที่เรียกว่า "สไตล์สัตว์" นั่นก็คือการผสมอสุจิปริมาณ 1 ช็อต หรือ 1 ออนซ์ เข้ากับทรีทเมนต์บำรุงผมทั่วไป แล้วใช้หมักผมลูกค้าตามขั้นตอนปกติ โดยเพิ่มเงินเพียง 7 ดอลลาร์ หรือ 350 บาทจากราคาทรีทเมนต์ตามปกติเท่านั้น ทางร้านโฆษณาว่าโปรตีนและแร่ธาตุจากอสุจิ จะช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้น และนุ่มสลวยเป็นเงางาม
โชคดยังดีที่อสุจิที่ทางร้านใช้ ไม่ได้มาจากคน แต่เป็นอสุจิของวัวที่ผ่านการต้มฆ่าเชื้อแล้ว ทำให้ไม่มีกลิ่นคาวหลงเหลืออยู่ ลูกค้าจึงไม่ต้องกังวลว่าผมที่ผ่านการทำสปาอสุจิจะมีกลิ่นประหลาดแต่อย่างใด
ฟังเคล็ดลับความงามแบบพิศดารชวนขนลุกกันมามากแล้ว ขอปิดท้ายด้วยสปาแบบน่ากินๆ ที่สาวๆคอขนมหวานจะต้องโปรดปราน นั่นก็คือการใช้ช็อกโกแลตบำรุงผิว นักวิทยาศาสตร์รับรองว่าไขมันจากช็อกโกแลตช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้น และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวไม่เหี่ยวย่นก่อนวัย นอกจากนี้การแช่ตัวในอ่างช็อกโกแลตอุ่นๆ ยังจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี แต่แน่นอนว่าคนทั่วไปไม่มีเงินมากพอที่จะอาบช็อกโกแลตแทนน้ำ สปาส่วนใหญ่จึงมีบริการมาส์กผิวกายด้วยช็อกโกแลตแทน เช่นสปาหรูแห่งหนึ่งที่แมนฮัตตัน ใช้โคลนผสมกับช็อกโกแลตยี่ห้อดัง "โกไดว่า" พอกบำรุงผิว ในราคา 180 ดอลลาร์ หรือ 5,400 บาทในเวลา 90 นาที
