ความสูญเสียที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากโศกนาฏกรรมฟุกุชิมะ กลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อนายมาซาโอะ โยชิดะ อดีตผู้จัดการโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ได้เสียชีวิตลงแล้วที่โรงพยาบาลในกรุงโตเกียว
เหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะระเบิด ซึ่งทำให้เกิดเหตุกัมมันตรังสีรั่วไหลครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก ยังคงเป็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์ในสังคมญี่ปุ่น และส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งต่อสภาพแวดล้อม และวิถีชีวิตของประชาชน เนื่องจากจนถึงขณะนี้ บริเวณดังกล่าวยังคงเป็นที่รกร้าง ไม่มีคนเข้าไปอยู่อาศัย
ล่าสุด ความสูญเสียที่เกิดขึ้นสืบเนื่องมาจากโศกนาฏกรรมฟุกุชิมะ กลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อนายมาซาโอะ โยชิดะ อดีตผู้จัดการโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ที่เป็นผู้รับผิดชอบดูแลโรงไฟฟ้าในช่วงที่เกิดเหตุ ได้เสียชีวิตลงแล้วที่โรงพยาบาลในกรุงโตเกียว หลังจากป่วยด้วยโรคมะเร็งหลอดอาหาร โดยเขาลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการเมื่อปลายปีที่ผ่านมาเพื่อรับการผ่าตัดมะเร็ง แต่อาการก็ทรุดลงอย่างต่อเนื่องจนเสียชีวิตในที่สุด
การเสียชีวิตของนายโยชิดะ ได้รับการเชิดชูจากชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก เนื่องจากเขาเป็นผู้นำทีมวิศวกรของฟุกุชิมะเพียงไม่กี่คน อยู่ควบคุมดูแลเตาปฏิกรณ์หลังจากสึนามิที่ซัดเข้าฝั่งทำให้ระบบหล่อเย็นของเตาปฏิกรณ์เสีย จนเกิดการระเบิดขึ้น
ในตอนนั้น ผู้บริหารของเทปโก บริษัทแม่ของโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ สั่งให้นายโยชิดะอพยพพนักงานออกทันที แต่เขาฝ่าฝืน และยืนกรานที่จะอยู่ควบคุมการปั๊มน้ำทะเลขึ้นมาฉีดหล่อเตาปฏิกรณ์ที่เหลือ ซึ่งในภายหลังมีการประเมินกันว่า การตัดสินใจของนายโยชิดะครั้งนั้นทำให้โศกนาฏกรรมฟุกุชิมะเลวร้ายน้อยกว่าที่ควรจะเป็นมาก
ที่สำคัญ การตัดสินใจของนายโยชิดะและทีมวิศวกรฟุกุชิมะ ที่อยู่ควบคุมสถานการณ์แทนที่จะอพยพออกไปพร้อมกับพนักงานคนอื่น ถือเป็นการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าจะต้องรับกัมมันตรังสีที่รั่วไหลออกมาเต็มๆ นายโยชิดะเองถึงกับเคยให้สัมภาษณ์ว่าในช่วงวันสองวันแรกหลังเกิดเหตุระเบิด เขาเคยกลัวเหมือนกันว่าสถานการณ์จะเลยเถิดเหนือการควบคุม และพวกเขาจะต้องตายอยู่ที่นั่น แต่ว่าก็จำเป็นต้องอยู่ เพราะเป็นหน้าที่ เป็นความรับผิดชอบของเขาในฐานะผู้ควบคุมโรงไฟฟ้า
หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าการรับกัมมันตรังสีดังกล่าวเป็นสาเหตุที่ทำให้นายโยชิดะป่วยเป็นมะเร็ง เพราะเขาพบวาตัวเองเป็นโรคร้ายนี้หลังจากเหตุสึนามิเพียง 1 ปี แต่ทางเทปโกแถลงว่าออาการป่วยของเขาไม่เกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมในครั้งนั้น เพราะการเป็นมะเร็งจากการได้รับกัมมันตรังสีมากเกินไป ต้องใช้เวลาก่อโรคนาน 5-10 ปี
อย่างไรก็ตาม ยังมีการคาดเดากันว่า เป็นไปได้ว่านายโยชิดะอาจจะเป็นมะเร็งอยู่ก่อนแล้ว แต่การรับกัมมันตรังสีทำให้เขาจากไปก่อนวัยอันควรเร็วยิ่งขึ้น หรือยิ่งไปกว่านั้น เขาอาจได้รับกัมมันตรังสีในปริมาณสูงมาก เพราะอยู่ตรงจุดที่มีการรั่วไหลเป็นระยะเวลานาน จึงเป็นมะเร็งและเสียชีวิตภายในเวลาเพียงไม่ถึง 2 ปีเท่านั้น