ปัจจุบันมีโรคแบบสุดโต่งอีกอย่างที่กำลังเป็นภัยคุกคามวัยรุ่นญี่ปุ่นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะวัยรุ่นชาย นั่นก็คือโรคฮิกิโกโมริ หรือโรคถอนตัวจากสังคม
สังคมญี่ปุ่นเป็นสังคมที่ได้ชื่อว่ามีความกดดันสูง ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ด้วยความที่ชาวญี่ปุ่นเป็นเชื้อชาติที่มีระเบียบวินัยสูงและสังคมก็เป็นสังคมเมืองที่การแก่งแย่งแข่งขันสูง เราจึงจะเห็นวัยรุ่นญี่ปุ่นแสดงออกอย่างสุดโต่ง ไม่ว่าจะเป็นพวกพังก์ร็อกแต่งตัวแปลกประหลาดแหวกแนว หรือเด็กเนิร์ทที่เก็บตัว บ้าการ์ตูน
แต่ปัจจุบันมีโรคแบบสุดโต่งอีกอย่างที่กำลังเป็นภัยคุกคามวัยรุ่นญี่ปุ่นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะวัยรุ่นชาย นั่นก็คือโรคฮิกิโกโมริ หรือโรคถอนตัวจากสังคม ซึ่งอาการของโรคก็คือการที่เด็กจะเก็บตัวอยู่แต่ในห้องนานนับเดือน หรือบางครั้งถึง 10 ปีโดยไม่พูดจากับใคร ไม่ไปโรงเรียน ไม่ติดต่อกับโลกภายนอก โดยมีพ่อแม่คอยส่งข้าวส่งน้ำให้ หรือสั่งของผ่านระบบออนไลน์ แต่เด็กที่เป็นไม่มาก อาจจะไม่ได้เก็บตัวอยู่ในห้องตลอดเวลา เพียงแต่ไม่ชอบไปไหนมาไหน และไม่เข้าสังคม ไม่พูดจากับใครเท่านั้น ทำให้บางครั้งผู้ป่วยโรคฮิกิโกโมริ ถูกเข้าใจว่าเป็นพวกเด็กเนิร์ทธรรมดา
สำหรับต้นเหตุของโรคนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากความผิดหวังในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือทำตัวไม่ได้ตามความคาดหวังของพ่อแม่ ไม่ว่าจะเป็นอกหักรักคุด สอบตก เกรดต่ำกว่าที่ต้องการ สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ หรือถูกเพื่อนรังแกจนไม่อยากไปเรียน แต่เมื่อพวกเขาเก็บตัวไปนานๆ เข้า การเก็บตัวไม่พบปะคนอื่นจะกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการอื่นๆ ตามมา เช่นโรคซึมเศร้า ขาดความมั่นใจ ย้ำคิดย้ำทำ ไปจนถึงขั้นประสาทหลอนหรือเป็นโรคจิตหวาดระแวง และทำร้ายร่างกายตัวเองรวมถึงพ่อแม่ได้
รัฐบาลญี่ปุ่นสำรวจพบว่าผู้ป่วยโรคฮิกิโกโมริส่วนใหญ่กว่า 70-80 % เป็นผู้ชาย เดิมผู้ป่วยโรคนี้จะมีอายุเฉลี่ย 15 ปี แต่ปัจจุบัน แนวโน้มคนเป็นโรคนี้มีอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนมีอายุเฉลี่ยที่ประมาณ 32 ปี หรือเป็นชายวัยกลางคนนั่นเอง
หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย อาจจะเป็นไปได้ว่าผู้ชายญี่ปุ่นแบกรับความคาดหวังจากสังคมและครอบครัวสูงกว่าผู้หญิง แต่จิตแพทย์ในญี่ปุ่นให้ความเห็นว่าอันที่จริงผู้หญิงก็เป็นโรคเก็บตัวไม่น้อยเช่นกัน แต่คนญี่ปุ่นเห็นว่าการที่ผู้หญิงเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร ตัวเลขผู้หญิงที่เป็นโรคฮิกิโกโมริจึงคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงมาก โดยประเมินกันว่าอันที่จริงแล้ว นปัจจุบันญี่ปุ่นมีผู้ป่วยโรคนี้ถึงกว่า 1 ล้านคน ที่สำคัญ โรคนี้รักษาได้ยากมาก เนื่องจากพ่อแม่มักปล่อยปละละเลยเมื่อลูกเริ่มเก็บตัว แต่เมื่อรู้สึกว่าลูกตัวเองผิดปกติ เด็กก็เป็นมากจนยากจะรักษาแล้ว