ภาพยนตร์ไซ-ไฟ "สตาร์ เทร็ก อินทู ดาร์กเนส" ( Star Trek Into Darkness) ขึ้นอันดับหนึ่งบอกซ์ ออฟฟิศของสหรัฐฯไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแซงหน้าภาพยนตร์ "ไอออน แมน" (Iron Man) ภาค 3 ที่ร่วงลงมาอยู่ในอันดับที่ 2 แทน
"สตาร์ เทร็ก อินทู ดาร์กเนส" (Star Trek Into Darkness) ภาพยนตร์ภาคที่ 2 ในชุดสตาร์ เทร็ก กำกับโดยผู้กำกับชื่อดังอย่าง เจ.เจ. อับบรามส์ เปิดตัวในสหรัฐฯและแคนาดา ด้วยรายได้ 2 พัน 1 ร้อยล้านบาท ขึ้นอันดับหนึ่งบอกซ์ ออฟฟิศไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ไม่อาจทำลายสถิติสตาร์ เทร็ก ภาคก่อนหน้านี้ ที่ออกฉายในปี 2552 ซึ่งเปิดตัวไปด้วยรายได้ 2 พัน 2 ร้อยล้านบาท ซึ่งถือว่าผิดความคาดหมายไปเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์กันว่า สตาร์ เทร็กภาคใหม่ จะเปิดตัวด้วยรายได้ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2 พัน 9 ร้อยล้านบาท
ในขณะที่ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่อย่าง "ไออน แมน" ภาค 3 เปิดตัวด้วยรายได้ 1 พันล้านบาท ตามมาเป็นอันดับที่ 2 ต่อด้วยเรื่องเดอะ เกรท แก็ทส์บี้ ( The Great Gatsby ) ภาพยนตร์ดราม่าย้อนยุค ที่กวาดได้รายได้ 7 ร้อยล้านบาท ตามมาเป็นอันดับ 3
ทางด้านของคอลัมนิสต์จากเว็บไซต์ฮอลลีวูด กล่าวว่า แบรนด์สตาร์ เทร็ก เป็นแบรนด์ที่โดดเด่น และคนดูทั่วไปน่าจะชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่การจะได้รายได้ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไปในการเปิดตัวสัปดาห์แรกนั้นเป็นไปได้ยาก ถ้าภาพยนตร์เรื่องนั้นไม่ใช่ภาพยนตร์อย่างทไวไลท์ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ครองใจกลุ่มคนดูโดยทั่วไปมากกว่า
ขณะที่บริษัท พาราเมาท์ ผู้ผลิต กล่าวว่า บริษัทคาดว่าบทวิจารณ์ที่ชมเชยหนังเรื่องนี้ รวมถึงการบอกปากต่อปากของคนดู จะทำให้มีคนเข้ามาดูหนังเรื่องนี้มากขึ้น ในอีกหลายสัปดาห์ต่อจากนี้
ส่วนรายได้รวมทั้งหมดในต่างประเทศ สตาร์ เทร็ก กวาดรายได้ไปแล้วกว่า 2 พัน 4 ร้อยล้านบาท ทำให้จนถึงตอนนี้ สตาร์ เทร็กมีรายได้ทั่วโลกรวมแล้วกว่า 4 พัน 9 ร้อยล้านบาท ซึ่งผู้จัดจำหน่ายของพาราเมาท์คาดว่า สตาร์ เทร็กภาคนี้ จะกวาดรายได้ทั่วโลก 1 หมื่น 1 พันล้านบาท มากกว่าภาคที่แล้วอย่างแน่นอน