ไม่พบผลการค้นหา
สถาบันกษัตริย์ของกัมพูชา กำลังมีบทบาทน้อยลงเรื่อยๆ จนอาจจะเลือนหายกลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ในไม่ช้า

วันนี้ (13พ.ค.56) เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระนโรดมสีหนุ กษัตริย์กัมพูชา แต่ดูเหมือนว่าการเฉลิมฉลองจะไม่คึกคักเท่าที่ควร เพราะในตอนนี้ สถาบันกษัตริย์ของกัมพูชา กำลังมีบทบาทน้อยลงเรื่อยๆ จนอาจจะเลือนหายกลายเป็นเพียงส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ในไม่ช้า


เมื่อพูดถึงกษัตริย์กัมพูชา ชาวกัมพูชาส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเจ้านโรดมสีหนุ กษัตริย์ผู้ทรงปลดแอกประเทศจากการเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส และทรงมีบทบาทอย่างต่อเนื่องในการเมืองหลายยุคหลายสมัย แต่สำหรับสมเด็จพระนโรดมสีหมุนี พระโอรสของเจ้าสีหนุ ผู้ทรงรั้งตำแหน่งพระประมุของค์ปัจจุบันของกัมพูชา บทบาทของพระองค์กลับน้อยกว่าพระราชบิดาในทุกๆทาง ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง หรือแม้แต่ความเลื่อมใสศรัทธาจากประชาชน


เป็นที่รู้กันดีว่าการเมืองกัมพูชาอยู่ภายใต้การควบคุมของนายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีตลอดกาลผู้อยู่ในอำนาจมานานเกือบ 30 ปี ในยุคที่เจ้าสีหนุยังทรงมีบทบาททางการเมืองอยู่ ก็ยังทรงได้ขับเคี่ยวกับนายฮุน เซน อย่างเข้มข้นสมน้ำสมเนื้อ ด้วยความที่พระองค์ทรงได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนผู้จงรักภักดีจำนวนมาก แต่เมื่อเจ้าสีหนุพ่ายแพ้ในสงครามการเมืองจนต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ และมีการสถาปนาเจ้านโรดมสีหมุนี พระราชโอรสขึ้นมาดำรงตำแหน่งพระประมุขแทน บทบาทของสถาบันกษัตริย์กัมพูชาในด้านการเมืองก็ถูกรัฐบาลจำกัดลงอย่างสิ้นเชิง จนกษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างสมบูรณ์ และเหลือเพียงพระราชภารกิจตามพิธีการเท่านั้น


นอกจากอำนาจทางการเมืองที่ถูกลดทอนลงอย่างมาก พระบาทสมเด็จพระนโรดมสีหมุนียังทรงขาดแรงสนับสนุนที่สำคัญที่สุดสำหรับส่งเสริมบทบาทของพระองค์เองในสังคมกัมพูชา นั่นก็คือความเลื่อมใสศรัทธาและจงรักภักดีจากประชาชน พระองค์ไม่ได้ทรงมีผลงานใดๆอย่างเป็นรูปธรรมในการพัฒนาประเทศอย่างสมเด็จพระราชบิดา และยังทรงใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศมาโดยตลอด ทำให้เมื่อมาดำรงตำแหน่งพระประมุข ชาวกัมพูชาส่วนใหญ่จึงไม่ได้จงรักภักดีต่อพระองค์ มากไปกว่าให้ความเคารพในฐานะพระราชโอรสของเจ้าสีหนุ


หลักฐานที่ยืนยันเรื่องนี้ได้ชัดเจนที่สุดก็คือการที่พระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ที่ติดตามอาคารบ้านเรือนประชาชนทั่วประเทศ มักจะเป็นรูปพระองค์เคียงคู่กับพระราชบิดาและพระราชมารดา โดยแทบจะไม่มีภาพพระองค์เดี่ยวๆเลย


ยิ่งไปกว่านั้น สถานะของกษัตริย์กัมพูชาที่ตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านการเมือง และในจิตใจของประชาชน ยังทำให้หลายฝ่ายมองว่า สถาบันกษัตริย์อาจจะสิ้นสุดลงเมื่อจบรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนโรดมสีหนุ เนื่องจากพระองค์ไม่ทรงมีพระราชโอรสหรือพระราชธิดา ขณะที่โอรสธิดาองค์อื่นๆของเจ้าสีหนุต่างก็ทรงชราภาพและไม่ได้รับความเคารพมากพอที่จะได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์ได้


อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่สถาบันกษัตริย์ดำรงอยู่คู่กับกัมพูชามากว่า 2,000 ปี มีกษัตริย์ปกครองกว่า 100 พระองค์ ทำให้การมีกษัตริย์ยังเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของประเทศ แม้ว่าองค์พระประมุขอาจจะไม่ได้มีบทบาทหน้าที่มากไปกว่าการออกงานพระราชพิธีก็ตาม และเหตุผลนี้ ทำให้อนาคตของสถาบันกษัตริย์กัมพูชากลายเป็นโจทย์สำคัญของนายฮุน เซน หรือนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาในอนาคต รวมถึงกลุ่มรอยัลลิสต์ ว่าจะทำอย่างไร ให้สถาบันกษัตริย์กลับมาเป็นศูนย์รวมจิตใจและเป็นสถาบันอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวกัมพูชาอีกครั้ง

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog