ไม่พบผลการค้นหา
รู้จักอีกมุมหนึ่งของวงการฟุตบอลอังกฤษ ที่เรียกได้ว่าเป็นด้านมืดที่ไม่ค่อยมีใครอยากพูดถึงนัก นั่นก็คือ "ฮูลิแกน" หรือกลุ่มแฟนบอลอันธพาล

Culture Corner ประจำวันที่ 12 พฤษภาคม 2556

 

รู้จักอีกมุมหนึ่งของวงการฟุตบอลอังกฤษ ที่เรียกได้ว่าเป็นด้านมืดที่ไม่ค่อยมีใครอยากพูดถึงนัก นั่นก็คือ "ฮูลิแกน" หรือกลุ่มแฟนบอลอันธพาล ที่ตอนนี้กลายเป็นวัฒนธรรมที่แพร่จากอังกฤษไปอยู่ในแทบทุกประเทศทั่วโลก

 

วัฒนธรรมฮูลิแกน หรือแฟนบอลอันธพาล ถือกำเนิดขึ้นมาในอังกฤษแทบจะพร้อมๆ กับวัฒนธรรมการเล่นและเชียร์ฟุตบอล โดยนักประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษบันทึกว่าความรุนแรงในสนามฟุตบอลระหว่างและหลังการแข่ง ไม่ว่าจะเป็นเหตุระหว่างแฟนบอลต่างทีม ทีมเดียวกัน หรือแฟนบอลกับนักเตะและกรรมการ เกิดขึ้นตั้งแต่ในคริสตศตวรรษที่ 19 และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในศึกดาร์บีแมทช์ หรือการแข่งขันระหว่างสโมสรที่อยู่ในเมืองเดียวกัน จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การแพร่ระบาดของแฟนบอลฮูลิแกนจึงลดลงจนเกือบจะหายไป

 

แต่เมื่อมาถึงทศวรรษที่ 1960 ปัญหาการตีกันในสนามฟุตบอลก็กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากยุคนั้นเป็นยุคบุปผาชน วัยรุ่นมีอารมณ์รุนแรงและชอบแสดงออกแบบไร้กฎเกณฑ์ หรือแบบฮิปปี้ ในช่วงนี้เองที่ลัทธิฮูลิแกนรุ่งเรืองที่สุด และก่อร่างสร้างตัวจากการก่อเหตุเพียงคนเดียว โดยไม่มีการตระเตรียมการ กลายเป็นการรวมกลุ่มระหว่างชนชั้นแรงงานที่อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน แต่ละคนจะนัดรวมกลุ่มกันในวันแข่งกีฬา เพื่อมานั่งเชียร์ร่วมกัน และพร้อมจะมีเรื่องกับทีมฝ่ายตรงข้ามทุกเวลา ทำให้ในยุคนั้น สนามกีฬากลายเป็นสถานที่ที่เสี่ยงต่อการชกต่อยกันมากที่สุดในสังคมอังกฤษ

 

จนกระทั่งเกิดโศกนาฏกรรมอัฒจันทร์ถล่มที่ฮิลส์โบโรว์เมื่อปี 2532 มีผู้เสียชีวิตเกือบ 100 ราย ทำให้ทางการอังกฤษยกเลิกตั๋วยืนในทุกสนามกีฬาทั่วประเทศ ซึ่งกลายเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญที่ทำให้กลุ่มฮูลิแกนย้ายจากการก่อเหตุในสนาม ไปอยู่นอกสนามแทน เพราะไม่ได้ยืนเบียดเสียดชวนมีเรื่องกันในสนามฟุตบอลอีกต่อไป

 

รูปแบบของกลุ่มฮูลิแกนแบบนี้ แพร่หลายมาถึงปัจจุบัน และยิ่งพัฒนาไปอีกขั้นด้วยการใช้โทรศัพท์มือถือ และเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก ในการตั้งสมาคม รวมกลุ่มกันได้ง่ายขึ้น และนัดกันไปเชียร์บอล และพร้อมมีเรื่องกับกลุ่มแฟนบอลต่างสโมสรได้อย่างสะดวกรวดเร็วกว่าเดิม

 

ฮูลิแกนไม่ได้มีแต่ในอังกฤษเท่านั้น แต่วัฒนธรรมแฟนบอลอันธพาลยังแพร่หลายไปในทุกประเทศที่คลั่งไคล้ฟุตบอล เช่นในอียิปต์ ที่ล่าสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา แฟนบอลสโมสรทีมอัล อาห์ลี และอัล มาสรี ก่อเหตุตีกันกลางสนาม ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึงเกือบ 100 ราย กลายเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมในสนามกีฬาที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลก

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog