ข่าวเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประกาศอำลาตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรฟุตบอลชื่อดังของอังกฤษ หลังทำหน้าที่มานาน 26 ปี ได้รับความสนใจจากทั่วโลกเป็นพิเศษ เนื่องจากเฟอร์กูสัน ถือเป็นตำนานของทีมปีศาจแดง และเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของอังกฤษ ช่วงนี้เราจะไปย้อนดูประวัติความเป็นมาของเขากันอีกครั้ง
ทันทีที่ข่าวการประกาศลาออกจากตำแหน่งของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บุรุษผู้เป็นตำนานของทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพร่สะพัดออกไป สื่อมวลชนทั่วโลกต่างพากันให้ความสนใจ รายงานการลาออกครั้งนี้กันอย่างครึกโครม เนื่องจากเฟอร์กูสัน เป็นกุนซือที่คุมทีมปีศาจแดงมายาวนานถึง 26 ปี และนำทีมคว้าแชมป์รายการต่างๆได้มากถึง 38 ถ้วย จนหลายคนยกให้เขาเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาลของอังกฤษ
เฟอร์กูสัน ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 71 ปี ย้ายจากสโมสร อเบอร์ดีน ของลีกสก็อตแลนด์ ในชาติบ้านเกิด มาคุมทีมแมนฯยู ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปีพ.ศ. 2529 โดยในเวลานั้น ทีมแมนฯยู แตกต่างจากในช่วงเวลานี้อย่างสิ้นเชิง
ช่วงแรกที่เฟอร์กูสัน เข้ามาคุมที แมนฯยูไม่เคยได้แชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษมาเป็นเวลานานติดต่อกัน 19 ปี และตกอยู่ภายใต้เงาความสำเร็จของ ลิเวอร์พูล ทีมคู่รักคู่แค้นแห่งเกาะอังกฤษมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม เฟอร์กูสันต้องใช้เวลาสร้างทีมนานถึง 4 ปี และเกือบถูกปลดหลายครั้ง กว่าที่เขาจะสามารถพาแมนฯยู คว้าถ้วยเอฟเอคัพได้ในปี 2533 ซึ่งนับเป็นถ้วยรางวัลแรกของเฟอร์กูสัน กับถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด ก่อนที่เขาจะกวาดถ้วยแชมป์มาให้กับสโมสรได้อีก 37 ใบ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ในจำนวนนี้เป็นแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษถึง 13 ใบ
เฟอร์กูสัน ให้เหตุผลของการลาออกหลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ว่า เขาไตร่ตรองเรื่องนี้มาดีแล้ว และเขาก็เชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่ถูกต้องเหมาะสม เนื่องจากเป็นช่วงที่ทีมมีสภาพแข็งแกร่งมากที่สุด ขณะเดียวกัน คุณภาพของนักเตะ ตลอดจนสมดุลด้านอายุผู้เล่น และโครงสร้างการปั้นเยาวชนขึ้นมาทดแทน ทำให้เขามั่นใจว่า แมนฯยู จะยังคงประสบความสำเร็จในระดับสูงสุดต่อไปในอนาคต
สำหรับหน้าที่ใหม่ของเฟอร์กูสัน หลังสิ้นสุดการคุมทีมนัดสุดท้ายในวันที่ 19 พฤษภาคมนี้ คือ การเปลี่ยนไปทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการ และทูตฟุตบอลให้กับสโมสรแมนฯยู ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ใครก็ตามที่ได้รับเลือกให้มานั่งเก้าอี้กุนซือคนใหม่แทนท่านเซอร์ เฟอร์กี้ ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด อาจต้องเจองานหนักมากที่สุดงานหนึ่งในชีวิต เนื่องจากเขาจะต้องแบกรับความคาดหวังจากแฟนบอล รวมถึงแรงกดดันมหาศาลจากความสำเร็จที่เฟอร์กูสันเคยทำมาในอดีต
