Face of the week ประจำวันที่ 21 เมษายน 2556 

ไปทำความรู้จักกับศาสตราจารย์อาแลง แปเล่ต์ หนึ่งในคณะที่ปรึกษากฎหมาย ซึ่งว่าความในคดีเขาพระวิหารให้กับไทยในครั้งนี้กันให้มากขึ้น 

"อาแลง แปเล่ต์" ศาสตราจารย์ชาวฝรั่งเศส เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ  หลังจากจบการศึกษาในสาขากฎหมายมหาชนและรัฐศาสตร์ ทั้งในระดับปริญญาตรี โท และเอก ศาสตราจารย์แปเล่ต์ได้สร้างผลงานการว่าความในคดีสำคัญมากกว่า 40 คดีให้กับหลายสิบประเทศทั่วโลก อาทิ ฝรั่งเศส กรีซ อาร์เจนติน่า รัสเซีย ญี่ปุ่น ชิลี อิหร่าน เบนิน ลิกเตนสไตน์ อินเดีย แคมเมอรูน บอสเนีย สโลวาเกีย ออสเตรเลีย ติมอร์เลสเต นิการากัว คอสตาริก้า ฝรั่งเศส ปาเลสไตน์ นิวซีแลนด์ ซึ่งมีทั้งที่เป็นข้อพิพาทภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยคดีส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทด้านเขตแดน

น่าสังเกตว่าเฉพาะประเทศในภูมิภาคอาเซียน ศาสตราจารย์แปเล่ต์ได้ว่าความให้เกือบครบทุกประเทศแล้ว อาทิ การว่าความให้อินโดนีเซีย ในคดีข้อพิพาทเกี่ยวกับกับอธิปไตยเหนือหมู่เกาะสิปาดันและลิกิตัน ส่วนสิงคโปร์ ว่าความในคดีข้อพิพาทเกี่ยวกับอธิปไตยเหนือเกาะเปดรา บลังกา  ฟิลิปปินส์ และล่าสุด กำลังว่าความให้กับฝ่ายไทย ในคดีเขาพระวิหาร

นอกจากการเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับประเทศต่างๆ แล้ว ศาสตราจารย์แปเล่ต์ยังมีบทบาทสำคัญในระบบยุติธรรมสากล โดยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการกฎหมายระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ ตั้งแต่ปี 2533 และเคยดำรงตำแหน่งประธานของคณะกรรมาธิการชุดนี้หลายปี รวมถึงได้รับตำแหน่งสำคัญในอนุญาโตตุลาการ และเป็นที่ปรึกษากฎหมายขององค์การการท่องเที่ยวโลก

ด้วยความเชี่ยวชาญอย่างมากในด้านกฎหมาย นับตั้งแต่ปี 2533 ศาสตราจารย์แปเล่ต์จึงเป็นอาจารย์ให้กับมหาวิทยาลัยปารีส โดยสอนในวิชากฎหมายมหาชนระหว่างประเทศ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในกรอบของกฎหมาย ขณะเดียวกัน ก็เดินสายเป็นอาจารย์พิเศษในต่างแดน เช่น มหาวิทยาลัยในแอลจีเรีย  อาร์เจนตินา สเปน ญี่ปุ่น เยอรมนี รัสเซีย อังกฤษ อิตาลี กรีซ ตูนิเซีย โมรอคโก ซีเรีย แทนซาเนีย รวมถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ของไทย เมื่อปี 2521

ที่สำคัญ ศาสตราจารย์แปเล่ต์ยังเป็นนักเขียนที่มีความสามารถ ได้เขียนตำรากฎหมายระหว่างประเทศไว้หลายเล่ม จนได้รับรางวัลนักเขียนมากมาย นอกจากนี้ ยังมีบทความทางกฎหมายหลายร้อยบทความ ซึ่งรวมถึง บทความเรื่องผลกระทบจากกรณีอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศต่อปาเลสไตน์ และบทบาทของศาลโลกในการออกกฎหมายในอนาคตอีกด้วย