ไม่พบผลการค้นหา
ศึกษาตัวแบบการอนุรักษ์แหล่งน้ำ และการบำบัดน้ำเสียในกรุงสตอกโฮล์ม เมืองหลวงของสวีเดน ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวง ที่มีแหล่งน้ำสะอาดที่สุดในโลก

เนื่องในวันน้ำโลก ไปศึกษาตัวแบบการอนุรักษ์แหล่งน้ำ และการบำบัดน้ำเสียในกรุงสตอกโฮล์ม เมืองหลวงของสวีเดน  ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวง ที่มีแหล่งน้ำสะอาดที่สุดในโลก และมีกฎหมายอนุรักษ์แหล่งน้ำที่เข้มงวดมากที่สุดเช่นกัน 

 

กรุงสตอกโฮล์ม เมืองหลวงของสวีเดน ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ที่มีแหล่งน้ำที่สะอาดที่สุดในโลก ว่ากันว่าชาวสวีเดนและนักท่องเที่ยว สามารถเดินลงไปริมแม่น้ำและดื่มน้ำจากแม่น้ำได้ทันที ขณะเดียวกัน คุณภาพของน้ำประปาที่นี่ ก็ได้รับการการันตีว่า ดีที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน ดังนั้น หากใครต้องการดื่มน้ำจากน้ำประปาก็สามารถทำได้ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดแต่อย่างใด

 

การที่สวีเดน ได้รับการยกย่องว่า มีแหล่งน้ำที่สะอาดที่สุดในโลกนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการบังคับใช้กฎหมายอนุรักษ์น้ำที่เข้มงวด โดยทางการสวีเดนได้สั่งห้ามประชาชน ลงเล่นน้ำในแม่น้ำหรือทะเลสาบ ที่ใช้เป็นแหล่งผลิตน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ ขณะเดียวกัน ผู้ที่จะสร้างบ้านเรือนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎในการรักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัด และห้ามสร้างบ้านอยู่ใกล้แม่น้ำในระยะ 100 เมตรด้วย

 

นอกจากกฎหมายอนุรักษ์แหล่งน้ำที่เข้มงวดแล้ว สวีเดนก็ยังมีระบบบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ เพราะหากย้อนกลับไปเมื่อราว 100 ปีก่อน กรุงสตอกโฮล์มของสวีเดน เป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่แม่น้ำสกปรกที่สุดในโลก เป็นผลสืบเนื่องมาจากการพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนละเลย และลืมให้ความสำคัญกับแหล่งน้ำ

 

จนกระทั่งมีการจัดตั้ง Stockholm Water Company ซึ่งปัจจุบันใช้ชื่อว่า Stockholm Vatten เพื่อเข้ามาบริหารจัดการแหล่งน้ำ และฟื้นฟูน้ำเสียโดยเฉพาะ ก็ทำให้แหล่งน้ำในกรุงสตอกโฮล์ม และบริเวณอื่นๆ ของประเทศกลับมาเป็นแหล่งน้ำที่สะอาด และใช้อุปโภคบริโภคได้อีกครั้ง

 

และในช่วงไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา สวีเดนยังได้กำหนดให้บริษัทบริหารจัดการน้ำทั้งหลาย ต้องมีเครื่องบำบัดน้ำเสียและเครื่องผลิตน้ำดื่มควบคู่กัน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการปล่อยน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้ว ไหลไปยังแม่น้ำ ที่เป็นแหล่งน้ำดิบในการผลิตน้ำประปา

 

ส่วนวิธีการบำบัดน้ำเสียของสวีเดนนั้น จะเป็นการนำน้ำเสียไปต้มจนเดือด  ซึ่งไอน้ำที่ได้จากการต้มน้ำเสีย จะถูกนำไปใช้เป็นพลังงาน ในการผลิตน้ำอุ่นในช่วงฤดูหนาว ส่วนกากของเสียที่ตกค้างอยู่นั้น จะถูกผลิตเป็นปุ๋ย เพื่อใช้ในภาคการเกษตร ขณะที่ แก๊สชีวภาพที่ได้จากการผลิตปุ๋ย ก็จะนำไปเป็นพลังงานในรถยนต์และรถประจำทางต่อไป

 

ขณะเดียวกันบริษัทขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะตั้งอยู่ใจกลางเมืองหรือชานเมือง ก็ต้องติดตั้งเครื่องบำบัดน้ำเสีย และเครื่องผลิตน้ำดื่มตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด หากไม่ปฏิบัติตามจะไม่ได้ใบอนุญาตให้ประกอบกิจการ

 

จะเห็นได้ว่า นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สวีเดนได้พัฒนาแนวทางในการอนุรักษ์แหล่งน้ำ และบริหารจัดการกับน้ำเสียมาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นต้นแบบของการศึกษาเรื่องการอนุรักษ์แหล่งน้ำจากหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งทางการสวีเดนมองว่า ทะเลสาบและแม่น้ำกว่า 100,000 แห่งในประเทศ คือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของประเทศ ที่พวกเขาต้องอนุรักษ์เอาไว้ให้ถึงที่สุด

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog