บริษัทเทปโก ของญี่ปุ่น เผยแพร่วิดีโอชุดใหม่ ที่บันทึกภาพปฏิบัติการกู้ภัยในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ หลังเกิดแผ่นดินไหว และสึนามิ ซึ่งแสดงให้เห็นอุปสรรคที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น และสะท้อนการละเลยความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนในบริเวณใกล้เคียง เมื่อ 2 ปีก่อน
บริษัทเทปโก ซึ่งเป็นผู้ควบคุมดูแลโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ เผยแพร่วิดีโอชุดใหม่ ซึ่งฉายให้เห็นความตื่นตระหนก และอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติการระงับการรั่วไหลของกัมมันตรังสีจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 3 เตา หลังถูกคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่มโรงงาน เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 หรือ 2 ปีที่แล้ว
วิดีโอดังกล่าวเผยให้เห็นการประชุมวิดีโอทางไกล ระหว่างนายมาซาโอะ โยชิดะ ผู้จัดการโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิ กับเจ้าหน้าที่สำนักงานใหญ่ของเทปโก ในกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2554 หลังเกิดสึนามิได้ 19 วัน โดยนายโยชิดะพยายามชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง และผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนในพื้นที่โดยรอบ หากบริษัทไม่สามารถควบคุมการรั่วไหลได้ แต่เทปโกกลับไม่สนใจคำแนะนำของเขา อีกทั้งยังไม่ช่วยหาทางแก้ไขวิกฤติดังกล่าวด้วย ท้ายที่สุด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงพยายามแก้ปัญหาด้วยตนเอง โดยพยายามปั๊มน้ำจากทะเลเข้ามาหล่อให้เตาปฏิกรณ์เย็นลง
จากนั้น จึงมีภาพวิดีโอที่บันทึกไว้เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2554 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า บริษัทได้ตรวจพบว่า น้ำทะเลที่ใช้หล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ถูกปล่อยกลับสู่ทะเล และมีอัตราการซึมลงสู่ทะเลด้วยความเร็ว 1000 มิลลิซีเวิร์ทต่อชั่วโมง ซึ่งสูงกว่าความเร็วเฉลี่ยจากการปนเปื้อนของกัมมันตรังสีตามธรรมชาติถึง 416 เท่า ทำให้ทางการญี่ปุ่น วิตกว่า หากเทปโกไม่สามารถยุติการรั่วไหลได้ กัมมันตรังสีจะกระจายไปไกล 240 กิโลเมตรโดยรอบ ซึ่งจะทำให้ต้องอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ในรัศมีมากถึง 35 ล้านคน และในที่สุด สิ้นปี 2554 เทปโกจึงประกาศว่า สามารถยุติวิกฤติดังกล่าวได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบปลาตัวหนึ่งซึ่งจับได้ใกล้กับโรงงาน มีกัมมันตรังสีอยู่ภายในตัวปลาสูงกว่าค่ามาตรฐาน 5,000 เท่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ท้องทะเลยังคงมีกัมมันตรังสีปนเปื้อนอยู่จำนวนมาก จากการสะสมในร่างของสิ่งมีชีวิต แต่ทางบริษัท ยืนยันว่า กัมมันตรังสีที่พบในปลาตัวดังกล่าว มาจากการรั่วไหลครั้งก่อนๆ