ไม่พบผลการค้นหา
ไปดูแบบอย่างของเมืองใหญ่ที่สามารถแก้ปัญหาชุมชนแออัดได้สำเร็จ นั่นก็คือการจัดระเบียบชุมชนแออัดของนครริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล

ชุมชนแออัดเป็นหนึ่งในปัญหาที่เมืองใหญ่ทั่วโลกต้องเผชิญ และได้ชื่อว่าเป็นปัญหาสังคมที่แก้ไขได้ยากที่สุดปัญหาหนึ่ง ไปดูแบบอย่างของเมืองใหญ่ที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้สำเร็จ นั่นก็คือการจัดระเบียบชุมชนแออัดของนครริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล ที่นี่มีวิธีแก้ปัญหานี้อย่างไร

 

ภาพของชุมชนแออัด หรือ สลัม ที่มีประชากรอยู่อย่างหนาแน่นภายใต้สภาพแวดล้อมที่แร้นแค้นยากจนและไม่ถูกสุขลักษณะเช่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นเหรียญหน้าที่สองของทุกเมืองใหญ่ทั่วโลก ที่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยได้นึกถึง หรือนึกถึงแต่ไม่อยากจะพูดถึงมากนัก แต่สถานที่แบบนี้ สามารถสะท้อนทุกปัญหาสังคมที่พบเห็นได้ในเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอาชญากรรม ความไม่เท่าเทียมทางรายได้ คุณภาพชีวิตที่ไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงการขาดโอกาสในชีวิตในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การศึกษา หรือการเข้าถึงบริการสาธารณสุข

 

รัฐบาลท้องถิ่นของเมืองใหญ่ทั่วโลกต่างตระหนักดีว่าชุมชนแออัดเป็นความท้าทายสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงพยายามจัดการปัญหานี้ โดยวิธีการที่ใช้มักมีเพียง 2 ทางเลือก วิธีแรกก็คือการไล่ที่ หรือย้ายคนออกไปกระจายอยู่ตามย่านชานเมือง ซึ่งมักถูกต่อต้านอย่างหนักจากชาวบ้านในชุมชนที่อยู่ในย่านนั้นมานานหลายสิบปี ขณะที่อีกวิธีก็คือการพยายามจัดระเบียบชุมชนแออัดให้กลายเป็นชุมชนเมืองที่สามารถอยู่อาศัยได้อย่างมีคุณภาพ ซึ่งก็มักไม่ประสบผลสำเร็จเนื่องจากการจัดการชุมชนแออัดขนาดใหญ่ต้องใช้ทั้งเงิน เวลา และความร่วมมือจากประชาชนในพื้นที่อย่างมหาศาล

 

แต่สำหรับสลัมฟาเวลา ในนครริโอเดอจาเนโรของบราซิลแห่งนี้ เป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งในโลกที่ความพยายามของรัฐบาลท้องถิ่นในการจัดระเบียบชุมชนแออัดประสบความสำเร็จ ทั้งๆที่ที่นี่เป็นหนึ่งในสลัมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรอาศัยอยู่กว่า 1 ล้าน 7 แสนคน โดยโครงการที่เปลี่ยนสลัมแห่งนี้ให้กลายเป็นสวรรค์แบบพอเพียงสำหรับคนในพื้นที่ คือโครงการที่มีชื่อว่า "ฟาเวลา บาอิโร" ภายใต้คอนเซปต์ "เปลี่ยนสลัมเป็นย่านชุมชน"

 

เป้าหมายหลักประการแรกของโครงการฟาเวลา บาอิโร ซึ่งใช้งบประมาณกว่า 180 ล้านดอลลาร์ หรือ 5,400 ล้านบาท ก็คือการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคในชุมชน โดยเฉพาะการสร้างถนนคอนกรีตที่เป็นระเบียบเรียบร้อย และการเดินท่อระบายน้ำตามเขตบ้านเรือน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเบื้องต้นของคนในชุมชน

 

ขณะที่โรงการเฟสที่สองเป็นการสร้างศูนย์บริการสาธารณสุข ศูนย์ดูแลเด็ก รวมถึงศูนย์ฝึกอบรมอาชีพและทักษะด้านคอมพิวเตอร์ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของคนในชุมชนให้มีโอกาสในการหางานทำ สร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้มากขึ้น

 

สังเกตว่าโครงการทั้งหมดนี้ ไม่ได้พยายามเปลี่ยนแปลงพัฒนาพื้นที่สลัมโดยการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ หรือ ไล่ที่คนในชุมชนไปยังเขตอื่น ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุที่รัฐบาลทั่วโลกมักเลือกทำเพื่อขจัดปัญหาชุมชนแออัดแบบรวดเร็ว

 

ซึ่งนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้โครงการพัฒนาสลัมฟาเวลา ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยนับตั้งแต่มีการริเริ่มโครงการเมื่อปี 2538 มีการประเมินว่าโครงการนี้ส่งผลให้ประชาชนกว่า 250,000 คน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมถึงมีอาชีพเลี้ยงตัวได้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปแต่ยั่งยืน และคาดว่าในอีก 10-20 ปีข้างหน้า การปฏิรูปสลัมฟาเวลาจะเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ และสลัมแห่งนี้ก็จะกลายเป็นสวรรค์ของชาวริโอได้อย่างเต็มภาคภูมิ

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog