ไม่พบผลการค้นหา
การหาเสียงผ่าน Social Media กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการหาเสียงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งผู้สมัครต้องระมัดระวังไม่ให้ผิดกฎหมายเลือกตั้ง

Social Media ไม่ว่าจะ Facebook หรือ Twitter กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการหาเสียงของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งการหาเสียงผ่าน Social Media ผู้สมัครก็ต้องระมัดระวังไม่ให้ผิดกฎหมายเลือกตั้งเช่นกัน 

 

อีกหนึ่งกลยุทธ์และสีสันของการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในปีนี้ คือ การใช้ Social Media ในการหาเสียงระหว่างผู้สมัครสังกัดต่างๆ รวมถึงผู้สมัครอิสระ ซึ่งตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยวิธีการ หรือ ลักษณะต้องห้ามในการหาเสียง ระบุไว้ว่าผู้สมัครสามารถหาเสียงผ่านทางเว็บไซต์ได้ แต่ต้องคิดค่าใช้จ่ายในส่วนของการจัดทำเว็บไซต์หรือการว่าจ้างทีมงานจัดทำสื่อออนไลน์ ไว้ในบัญชีค่าใช้จ่ายของผู้สมัครด้วย

 

ขณะที่ถ้อยคำที่-รูปภาพที่โพสต์ลง Social Media ที่ใช้หาเสียงก็มีข้อห้ามเช่นเดียวกับการหาเสียงอื่นๆ คือต้องใช้ถ้อยคำสุภาพ ไม่โจมตีใสร้าย หรือทำให้บุคคลเข้าใจผิดในตัวผู้สมัครคนอื่น จนส่งผลต่อคะแนนนิยม เพราะอาจมีความผิดตามมาตรา57  และได้รับโทษอาญาตาม มาตรา118 ของพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 ได้

 

ขณะเดียวกันการหาเสียงด้วยการชูนโยบายที่เกินอำนาจหน้าที่ หรือ งบประมาณของกรุงเทพมหานคร ก็อาจมีความผิดฐานหลอกลวงประชาชนได้ ซึ่งทาง กกต. เองก็ได้มอบหมายให้ศูนย์เฝ้าระวังข้อมูล ติดตามการหาเสียงทาง Social Media ด้วย เพื่อรวบรวมข้อมูลไว้พิจารณา หากมีการร้องเรียนเข้ามาทั้งนี้การหาเสียงทุกรูปแบบต้องยุติลงภายในเวลา 18.00 น. ในวันก่อนหน้าวันเลือกตั้ง

 

ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองจัดทำโพลล์สำรวจความนิยมในตัวผู้สมัครแต่ละคนนั้น กฎหมายเลือกตั้งไม่ได้ห้ามไว้ แต่การทำโพลล์โดยเฉพาะช่วงใกล้เลือกตั้ง อาจเข้าข่ายทำให้ประชาชนเข้าใจในผิดในตัวผู้สมัคร หรือ คะแนนนิยม และมีความผิดตามมาตรา57 ของ พ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นได้ กกต.จึงขอความร่วมมือให้พรรคการเมืองทำโพลล์โดยยึดหลักความถูกต้องวิชาการด้วย เพราะอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายได้

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog