การพระราชอภัยโทษแก่ 2 คนไทย หลังศาลกัมพูชาพิพากษาให้จำคุกนายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 54 ในข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย บุกรุกเขตทหาร และจารกรรมข้อมูล
การพระราชอภัยโทษแก่นักโทษ 412 คน โดยมี 2 คนไทยได้รับสิทธินี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ศาลกัมพูชาพิพากษาให้จำคุกนายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 ในข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย บุกรุกเขตทหาร และจารกรรมข้อมูล โดยมีหนึ่งในผู้ร่วมคณะ 7 คนไทย คือ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์รวมอยู่ด้วย
ภารกิจที่นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ในขณะนั้น กำชับกับผู้รับโทรศัพท์ปลายทาง ไม่เป็นความลับอีกต่อไป เพราะหลังจากเขาและคณะคนไทยอีก 6 คน เดินเข้าพื้นที่ชายแดนกัมพูชา ได้ไม่นานนัก
พวกเขาก็ถูกทหารรักษาชายแดนที่ 503 ของกัมพูชาจับ บริเวณหลักเขตแดนที่ 46 บ้านภูมิโจกเจย หรือบ้านโชคชัย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโจรว จังหวัดบันเตียเมียน เจย
โดยคณะที่ถูกจับกุม ประกอบด้วย
- นายพนิช วิกิตเศรษฐ์
- นายวีระ สมความคิด
- นายกิชพลธรณ์ ชุสนะเสวี เลขาส่วนตัวนายพนิช
- ร้อยตรีแซมดิน เลิศบุศย์
- นายตายแน่ มุ่งมาจน
- นางนฤมล จิตรวะรัตนา สมาชิกเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอร์รัปชั่น
- นางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ สมาชิกเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ
และคลิปวิดีโอนี้ ก็ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวาง และกลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในชั้นศาลของกัมพูชาในเวลาต่อมา
โดยศาลเขตพนมเปญตั้งข้อหา 7 คนไทย ฐานเดินทางข้ามพรมแดนโดยผิดกฎหมาย และรุกล้ำเขตทหาร และถูกนำตัวไปขังไว้ในเรือนจำเปนย์ ซาร์ นอกกรุงพนมเปญ
การจับกุมครั้งนี้ ทำให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ประกาศกดดันรัฐบาล ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้เร่งช่วยเหลือ 7 คนไทย
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แสดงเอกสารสิทธิ์ที่ดิน น.ส.3 ก.ของนายเบ พูลสุข ที่ออกโดยกรมที่ดิน ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2517ซึ่งเป็นบริเวณที่ 7 คนไทยถูกจับกุมตัว
วันที่ 2 มกราคม 2554 เครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อสหประชาชาติ โดยเห็นว่าทั้ง 4 คน เป็นคนไทย หากกระทำความผิดก็ต้องขึ้นศาลไทย พร้อมแถลงยืนยันพื้นที่ที่ถูกจับกุมอยู่ในเขตที่ดินของนายเบ พูลสุข
ขณะที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยอมรับว่า นายพนิชและคณะได้รุกล้ำอาณาเขตกัมพูชาจริง แต่ไม่น่าจะมีเจตนา พร้อมทั้งเรียกร้องให้กลุ่มต่างๆ ยุติความเคลื่อนไหว เพราะอาจทำให้กัมพูชาไม่พอใจ และเป็นอุปสรรคต่อการช่วยเหลือ
และสิ่งยืนยันสุดท้ายคือกรมแผนที่ทหาร เปิดเผยว่าได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าไปวัดพิกัดจุดที่ถูกจับกุมแล้ว พบว่าคนไทยทั้ง 7 คน รุกล้ำดินแดนกัมพูชาจริงโดยเป็นพื้นที่ทับซ้อน 55 เมตร
ส่วนศาลกัมพูชาเริ่มไต่สวนคดีในวันที่ 6 มกราคม 2554 และนายพนิช เข้าให้การต่อศาลในวันรุ่งขึ้นว่า เขาเดินทางเข้าพื้นที่ เพราะต้องการพบกับชาวบ้านที่อ้างว่าชาวกัมพูชา ย้ายหลักหมุดบนดินแดนของไทย และยืนยันว่าเป็นการเดินทางเข้าไปโดยอุบัติเหตุ
13 มกราคม ศาลกัมพูชาให้ประกันตัวนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ และนางนฤมล จิตรวะรัตนาก่อน
ต่อมา วันที่ 19 มกราคม ก็ให้ประกันตัวเพิ่มอีก 4 คน ยกเว้นนายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์
และท้ายที่สุดวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2554 ก็พิพากษาให้จำคุก นายวีระ นาน 8 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย บุกรุกเขตทหาร และจารกรรมข้อมูล รวมทั้งปรับเงินประมาณ 17,000 บาท ส่วนนางสาวราตรี มีโทษ จำคุก 6 ปี โดยไม่รอลงอาญา และปรับเงินประมาณ 12,000 บาท
ขณะที่คนไทยอีก 5 คน มีความผิดฐานเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ให้จำคุกคนละ 9 เดือน แต่ให้ลดเหลือ 8 เดือน และให้รอลงอาญาไว้ก่อน พวกเขาจึงได้เดินทางกลับประเทศไทย