การศึกษาในประเทศไทย เปิดโอกาสให้เด็กทุกคนไม่ว่าจะมีสัญชาติใด สามารถเข้าศึกษาได้ ทั้งที่ไม่ต้องมีเอกสารหลักฐานใดๆ แต่สำหรับเด็กต่างด้าว
การศึกษาในประเทศไทย เปิดโอกาสให้เด็กทุกคนไม่ว่าจะมีสัญชาติใด สามารถเข้าศึกษาได้ ทั้งที่ไม่ต้องมีเอกสารหลักฐานใดๆ แต่สำหรับเด็กต่างด้าว หากต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ยังมีข้อจำกัดในหลายด้าน โดยเฉพาะคุณสมบัติที่บางสาขาวิชาระบุว่าต้องมีสัญชาติไทย
การศึกษาในประเทศไทย เปิดโอกาสให้เด็กทุกคน ไม่ว่าจะมีสัญชาติใด สามารถเข้าศึกษาได้ ทั้งที่ไม่ต้องมีเอกสารหลักฐานใดๆ แต่สำหรับเด็กต่างด้าว หากต้องการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี ยังมีข้อจำกัดในหลายด้าน โดยเฉพาะคุณสมบัติที่บางสาขาวิชาระบุว่าต้องมีสัญชาติไทย
หลังทีมข่าววอยซ์ทีวีลงพื้นที่จังหวัดสุมทรสาคร ซึ่งเป็นพื้นที่ๆ มีแรงงานต่างด้าวประมาณ 2 แสน 8 หมื่นคน พบว่าแรงงานต่างด้าวมีความกังวลถึงอนาคตด้านการศึกษาของบุตร โดยเฉพาะเด็กบางคนที่ยังไม่มีแม้แต่สูติบัตร ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงตัวตน และหากย้อนกลับไปวันที่ 5 กรกฎาคม 2548 คณะรัฐมนตรีได้มีมติ กำหนดให้บุคคลทุกคนไม่ว่าจะมีสัญชาติใด หรือแม้แต่เป็นคนไร้สัญชาติ ย่อมมีสิทธิในการศึกษา
จากกฎหมายที่รับรองสิทธิในการเข้าถึงระบบการศึกษา ทำให้โรงเรียนวัดศิริมงคล จังหวัดสมุทรสาคร เป็นศูนย์รวมของเด็กต่างด้าว โดยโรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียน 315 คน เป็นเด็กต่างด้าวมากถึง 290 คน และมีเด็กสัญชาติไทยเข้าเรียนเพียง 25 คนเท่านั้น โดยหนึ่งในเด็กต่างด้าว คือเด็กหญิงยิ้ม อายุ 11 ปี ที่กำลังศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เธอเป็นเด็กชาวเมียนมาร์ ที่เกิดและเติบโตในประเทศไทย
ยิ้ม เปิดเผยว่าเธอกังวลว่าจะไม่มีโอกาสได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น และไม่ได้รับสิทธิที่พึงได้เหมือนกับเด็กไทยทั่วๆ ไป เพราะไม่มีสูติบัตร ซึ่งเป็นหลักฐานแสดงตัวตนตามกฎหมาย
ขณะเดียวกันความใฝ่ฝันที่อยากเป็นแพทย์ ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเธอมีสัญชาติเมียนมาร์ ซึ่งการเรียนต่อในคณะแพทย์ศาสตร์ มีข้อกำหนดว่า ต้องมีสัญชาติไทย เธอยังยอมรับว่าแม้ไม่สามารถทำตามความฝันได้ แต่ก็จะอยู่ในประเทศไทยต่อไป เพราะเกิดบนแผ่นดินไทยแล้ว
ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดศิริมงคล เปิดเผยว่าทางโรงเรียนชเริ่มรับเด็กต่างด้าวเข้าเรียน ตั้งแต่ปี 2549 ตามมติคณะรัฐมนตรี โดยในช่วงแรกพบปัญหาเรื่องความหลากหลายของชาติพันธุ์ การใช้ภาษา และเอกสารที่ใช้ในการเข้าเรียน
ด้านเจ้าหน้าที่สารนิเทศอาวุโส ระดับภูมิภาค ของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR มองว่านโยบายด้านการศึกษาของประเทศไทย เปิดโอกาสให้กับเด็กทุกสัญชาติเข้าเรียนได้ แต่ในการศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ยังมีข้อจำกัดในหลายด้าน
จากการตรวจสอบของทีมข่าว ยังพบว่าเด็กต่างด้าวที่ต้องการศึกษาต่อของในระดับอุดมศึกษา นอกจากจะมีเงื่อนไขของแต่ละสาขาวิชาอย่างแพทยศาสตร์และทนายความแล้ว ยังต้องผ่านการพิจารณาของสถาบันการศึกษาแต่ละแห่งอีกขั้นตอนหนึ่ง จนทำให้การเรียนต่อของพวกเขายากกว่าเด็กไทยหลายเท่าตัว