ไม่พบผลการค้นหา
'อนุชา' ร่วมประชุมหารือการดำเนินงานของสำนักงานราชบัณฑิตยสภา กำหนดทิศทางการให้บริการประชาชน เตรียมมาตรการกระตุ้นการใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้องในยุคดิจิทัล

เมื่อวานนี้ (31 ส.ค. 2563) อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมประชุมหารือนโยบายการดำเนินงานของราชบัณฑิตยสภา ร่วมกับ ศ.นพ.สุรพล อิสรไกรศีล นายกราชบัณฑิตยสภา และคณะผู้บริหารราชบัณฑิตยสภา

สำหรับสำนักงานราชบัณฑิตยสภา มีพันธกิจในการค้นคว้า วิจัย และบำรุงสรรพวิชา นำผลงานที่ได้สร้างสรรค์ออกเผยแพร่ให้เป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศและประชาชน ให้ความเห็น คำแนะนำ และคำปรึกษาทางวิชาการแก่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรี ให้บริการทางวิชาการแก่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญองค์การมหาชน หน่วยงานอื่นของรัฐ สถาบันการศึกษา หน่วยงานของเอกชน และประชาชน ดำเนินงานเกี่ยวกับการจัดทำพจนานุกรม สารานุกรม อักขรานุกรม อนุกรมวิธานการบัญญัติศัพท์วิชาการสาขาต่าง ๆ รวมทั้งการจัดทำพจนานุกรมศัพท์วิชาการภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทยและงานวิชาการอื่น ๆ รวมถึงการกำหนดหลักเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทย การอนุรักษ์ภาษาไทยมิให้แปรเปลี่ยนไปในทางที่เสื่อม การส่งเสริมภาษาไทยซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชาติให้ปรากฏเด่นชัดยิ่งขึ้น

3306CB94-A916-467B-944F-9826B4205737.jpeg

นอกจากนี้ ยังได้จัดการศึกษาอบรมและพัฒนาทางวิชาการเกี่ยวกับภาษาไทย และภาษาไทยถิ่น โดยผู้เข้าอบรมจะได้รับประกาศนียบัตรชั้นสูงประกาศนียบัตร สัมฤทธิบัตร และวุฒิบัตร จากการอบรมและพัฒนาทางวิชาการ ตามข้อบังคับราชบัณฑิตยสภา

โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมว่าเป็นการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และแนวทางการดำเนินงานกับนายกราชบัณฑิตยสภาและคณะ ซึ่งสำนักงานราชบัณฑิตยสภาเป็นองค์กรที่มีองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์แก่สังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านการเข้าสู่สังคมสูงวัย การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาทางสังคม และด้านอื่นๆ ขณะที่สำนักงานราชบัณฑิตเป็นองค์กรที่ประกอบด้วยปราชญ์หลายด้านที่เป็นคลังสมองของประเทศ ซึ่งจะผลิตองค์ความรู้ที่สามารถช่วยเหลือสังคมได้นอกเหนือจากภารกิจทางด้านภาษาไทยที่เป็นพันธกิจหลักขององค์กร

9FC667BB-41D1-45F0-9BF2-A0D19CF359BF.jpeg

นอกจากนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงสถานที่ทำการใหม่ของสำนักงานราชบัณฑิตยสภาว่า อยู่ระหว่างการนำเสนอคณะรัฐมนตรี โดยจะใช้สถานที่อาคารเรือนเจ้าจอมมารดาเลื่อน ที่เป็นกรรมสิทธิของสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ คิดค่าเช่าปีละ 100 บาท ระยะเวลาเช่า 30 ปี ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญและได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ของความเป็นไทย และมีความเหมาะสมที่จะปรับปรุงเป็นสถานที่ทำงานของนักปราชญ์ของประเทศ โดยจะใช้เป็นอาคารศูนย์ประชุมหลักของราชบัณฑิตยสภาต่อไป