ไม่พบผลการค้นหา
‘ชวลิต’ ชี้ ‘พล.อ.ประยุทธ์’ ลอยตัวเหนือปัญหาการแบน 3 สารพิษไม่ได้ - รัฐบาลควรปฏิบัติตามข้อเสนอของแพทยสภา และสภาผู้แทนราษฎร

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้ความเห็นกรณีปัญหาการแบน 3 สารพิษ ที่มีปัญหาความขัดแย้งหลายประการนั้น เห็นว่านายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจะลอยตัวอยู่เหนือปัญหาไม่ได้ เพราะทุกองค์กรล้วนอยู่ภายใต้การกำกับ ดูแลของรัฐบาลทั้งสิ้น ขอยกตัวอย่างที่นายกรัฐมนตรีจะต้องเข้ามาบริหารจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น อาทิ

1. อ.จิราพร ลิมปานานนท์ หนึ่งในคณะกรรมการวัตถุอันตรายได้ยื่นหนังสือลาออกจากคณะกรรมการ ฯ พร้อมกับให้ข่าวว่า กรณีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แถลงข่าวสรุปว่า คณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติด้วยเสียงเป็นเอกฉันท์ในการยกเลิกการแบนไกลโฟเซต และขยายเวลาการแบนพาราควอต และคลอร์ไพริฟอส ออกไปอีก 6 เดือน นั้น อ.จิราพร ฯ ปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง เป็นการประชุมแบบรวบรัด ไม่มีการถามมติดังกล่าวในที่ประชุมในแต่ละประเด็นแต่อย่างใด 

2. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม มีนโยบายในการแบน 3 สารพิษ ไปคนละทิศ ละทาง ผลร้ายจึงเกิดกับผู้บริโภค ซึ่งหมายถึงประชาชนคนไทยทั้งประเทศต้องมารับเคราะห์กรรมจากความไม่เป็นเอกภาพในนโยบายของแต่ละกระทรวง

3. รัฐบาลจัดลำดับความสำคัญในปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไม่ถูกต้อง ควรนำปัญหาสุขภาพอนามัยของประชาชนเป็นความสำคัญลำดับแรก มากกว่าประโยชน์อื่นใด เพราะชีวิตประชาชนตีค่าเป็นตัวเงินไม่ได้ ประการสำคัญ ทรัพยากรมนุษย์ คือ ความมั่นคงของชาติ ดังนั้น รัฐบาลควรรับฟังองค์กรทางวิชาชีพเฉพาะที่ดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชน คือ แพทยสภา ซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดทางการแพทย์ ผู้ใดก็แทรกแซงไม่ได้ แพทยสภาได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องขอให้รัฐบาลแบน 3 สารพิษ โดยชี้ให้เห็นถึงพิษภัยร้ายแรงว่า มีอันตรายต่อสุขภาพอนามัยประชาชน มีตัวเลขการเจ็บป่วย การตาย และรัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจำนวนมาก การที่นายกรัฐมนตรีอ้างว่าเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่มีอำนาจตามกฎหมายนั้น เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น ไม่อาจรับฟังได้อย่างสิ้นเชิง เพราะทุกองค์กรที่อยู่ในภาคราชการ แต่งตั้งโดยผู้มีอำนาจในราชการ ล้วนอยู่ในกำกับดูแลทางด้านนโยบายของทางราชการทั้งสิ้น

3. สภาผู้แทนราษฎร ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 21 พ.ย.62 เห็นชอบกับคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ ที่มีความเห็นให้แบน 3 สารพิษ ด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ 423 : 0 การที่สภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน มาจากประชาชนทั้งประเทศ สะท้อนว่า สุขภาพอนามัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด เหนือกว่าประโยชน์อื่นใด รัฐบาลต้องรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการ ฯ ซึ่งผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรอย่างเป็นเอกฉันท์ รับไปปฏิบัติ ไม่อาจหลีกเลี่ยงเป็นอย่างอื่นได้จึงขอเรียกร้องมายัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงมาแก้ไขปัญหาการแบน 3 สารพิษด้วยตนเองโดยด่วน เพราะรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงที่ร่วมรับผิดชอบ ความเห็นไม่เป็นเอกภาพ ขัดแย้งกันอย่างชัดเจน

ความจริงปัญหานี้มีมาแต่สมัยรัฐบาลประยุทธ์ 1 โดยมีเสียงลือ เสียงเล่าอ้างว่า ทุนข้ามชาติเข้ามาครอบงำการตัดสินใจการแบน 3 สารพิษมาตั้งแต่ต้น ซึ่งผมยังไม่เชื่อเสียทีเดียว เพราะถ้าผู้บริหารเห็นแก่ประโยชน์อย่างอื่น มากกว่าสุขภาพอนามัยประชาชน ก็จะไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้บริหารประเทศต่อไป เพราะรังแต่จะนำความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชน

ทางแก้ปัญหา ท่านต้องรีบเข้ามาแก้ไขปัญหานี้โดยด่วนที่สุด โดยยึดประโยชน์ของประชาชนโดยส่วนรวมเป็นที่ตั้ง