ไม่พบผลการค้นหา
'สุดารัตน์' เรียกร้องรัฐบาลเร่งเจรจากับสหรัฐฯ ปมตัดสิทธิจีเอสพีไทย ชี้เป็นเรื่องใหญ่ด้านการส่งออก ย้ำสหรัฐฯ ไม่ได้บอกเหตุตัดสิทธิกรณีแบนสารเคมีอันตราย คาดเหตุตัดสิทธิมาจากมาตรฐาน สิทธิแรงงาน

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกา โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป หรือจีเอสพี กับสินค้าไทย ที่จะส่งผลกระทบ มูลค่าการส่งออกไทย กว่า 40,000 ล้านบาท โดยเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเจรจาและหาสาเหตุรวมถึงชี้แจงกับทางสหรัฐอเมริกาที่ตัดสิทธิจีเอสพีไทย และควรดำเนินการเจรจาให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอการเวทีการประชุมอาเซียนหรือเวที ระหว่างประเทศใดๆ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ขณะที่ไทยมีปัญหาด้านการส่งออกการท่องเที่ยวทรุด ไม่มีการลงทุนใหม่และ มีการบริโภคภายในอยู่ อีกทั้ง มีปัญหาคนว่างงานจำนวนมากที่คาดว่าปีหน้าจะถึง 5 แสนคน จึงหวังว่า วันจันทร์นี้ทางรัฐบาลจะมีดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา ที่สำคัญการเจรจากับสหรัฐอเมริกาต้องเจรจาต่อรองในฐานะคู่ค้า อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ในฐานะตัวประเทศเล็กๆหรือเป็นลูกไล่ใคร

เมื่อถามว่าการที่สหรัฐอเมริกาตัดสิทธิจีเอสพีไทยมาจากสาเหตุ การแบนสารเคมี 3 ชนิดหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ต้องแยก 2 เรื่องออกจากกัน ไม่เช่นนั้นจะเป็นการกล่าวหาและทำให้การแก้ปัญหายุ่งยาก เพราะทางการสหรัฐฯไม่ได้ระบุถึงสาเหตุนี้ในการตัดจีเอสพีไทย และโดยส่วนตัวเห็นด้วยกับการแบนสารเคมีอันตรายทั้ง 3 ชนิด แต่รัฐบาลต้องมีมาตรการรองรับ ไม่ใช่ผลักภาระการกำจัดศัตรูพืชไปให้เกษตรกร และเชื่อว่า เมื่อรัฐบาลไม่มีมาตรการรองรับหรือทางเลือกอื่นให้ ก็จะมีสารเคมีอันตรายยี่ห้อใหม่ๆออกมา ทำให้การแก้ปัญหาสารเคมีล้มเหลว

ส่วนสาเหตุการตัดสิทธิจีเอสพีของไทยนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ตั้งข้อสังเกตว่าขณะที่รัฐบาลไทยบอกโดยอ้างเป็นผลงานว่าแก้ปัญหาแรงงานได้สำเร็จ แต่กลับเป็นเหตุผลเรื่องปัญหาแรงงานโดยเฉพาะประมง ที่มาตรการรัฐบาลยุค คสช.ส่งผลกระทบต่อ ชาวประมงหลายแสนราย เป็นเงื่อนไขที่รัฐบาลสหรัฐ อ้างมาตรฐานและสิทธิแรงงานในไทยในการตัดสิทธิพิเศษจีเอสพีครั้งนี้

ภราดร ซัดรัฐบาลไร้ฝืมือแก้ ศก. ทำไทยถูกตัดสิทธิ ลุยซักฟอก ธ.ค.

ด้าน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า เหตุปัจจัยภายนอกที่สหรัฐอเมริกาประกาศตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรการค้า(GSP)เกือบ4หมื่นล้านบาท ส่วนปัจจัยภายในก็คืองบประมาณปี63 ก็มีความล่าช้า ปัญหาเหล่านี้ล้วนมาจากความไร้ฝีมือของรัฐบาลสืบทอดอำนาจ เห็นได้จากไม่มีฝีมือแก้ไขเศรษฐกิจมีแต่สร้างภาระหนี้กู้เงินปีละกว่า5แสนล้านมา5ปีติดๆ สาหัสเข้าไปกว่านั้นปัจจัยทางการเมืองเพื่อให้เชื่อมั่นความเป็นประชาธิปไตยในสายตาของต่างประเทศก็ไม่อาจมีได้ เพราะการได้มาของส.ส.ก็มีแต่ความสับสนไม่ว่าจะเป็นตัวเลขของส.ส.พึงมี การใช้สูตรพิสดารคิดคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อล้วนก่อให้เกิดความผันผวนได้ตลอดเวลา แถมกลไกรับผิดชอบการเลือกตั้งก็ไม่สามารถตอบคำถามให้เป็นที่กระจ่างชัดได้ ปัญหาเหล่านี้ล้วนเป็นผลพวงมาจากรัฐธรรมนูญและตัวผู้นำสืบทอดอำนาจเป็นต้นเหตุทั้งสิ้น บทสรุปของปัญหาทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายในที่กล่าวมานั้นเป็นผลให้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจมิอาจเกิดขึ้นได้เลย

ทางออกจากวิกฤติของประเทศเหลือหนทางเดียวก่อนที่เศรษฐกิจจะเกิดภาวะเผาจริงในต้นปีหน้า คือต้องเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เพราะแนวทางการแก้ไขปัญหาของประเทศให้สัมฤทธิ์ผลคือต้องกระทำตรงกันข้ามกับที่ผู้นำสืบทอดอำนาจปฏิบัติอยู่ ดังนั้นในเดือนธ.ค.นี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจำต้องดำเนินการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจผู้นำสืบทอดอำนาจ โดยจะสร้างความร่วมมือกับส.ส.ทุกฝ่ายในสภาฯและนอกสภาฯกับพี่น้องประชาชนผู้รักประชาธิปไตยผนึกเป็นพลังล้มคว่ำผู้นำสืบทอดอำนาจให้พ้นจากตำแหน่งออกไปให้ได้ในที่สุดโดยเร็ว  มิฉะนั้นแล้วประเทศเราจะไปสู่จุดที่มิอาจเยียวยาได้ซึ่งคงไม่มีผู้ใดอยากที่จะประสบเคราะห์กรรมเช่นนั้น