กรุงเทพมหานคร เปิดโครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียใต้ดินเป็นแห่งแรก ย่านบางซื่อ เพื่อบำบัดน้ำเสียในพื้นที่บางซื่อ จตุจักร ดุสิต และพญาไท แต่คาดว่าอีก 11 ปีข้างหน้า โครงการที่วางแผนไว้ว่าจะก่อสร้างทั้งบนดินและใต้ดิน รวม 12 โครงการ จะไม่เพียงพอต่อการใช้งานของคนกรุงเทพ

ชั้นใต้ดิน ของอาคารศูนย์การศึกษาและอนุรักษณ์สิ่งแวดล้อม บางซื่อ ในพื้นที่สวนวชิรเบญจทัศหรือสวนรถไฟ กลายเป็นอาคารบำบัดน้ำเสียใต้ดินแห่งแรกของประเทศไทย และเอเชียอาคเนย์ ซึ่งภายในติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสีย  ระบบปิด ในพื้นที่ใต้ดิน 12 ไร่ ด้วยการวางท่อลอดใต้พื้นดินเชื่อมท่อระบายน้ำ จากพื้นที่บางซื่อ จตุจักร ดุสิต และพญาไท  เพื่อลำเลียงน้ำเสีย ครอบคลุมพื้นที่ 20.7 ตารางกิโลเมตร เข้าสู่สถานีสูบน้ำเสียใต้ดิน ที่สามรถบำบัดน้ำได้วันละ 120,000 ลูกบาศ์กเมตรต่อวัน โดยผ่าน 2 ขั้นตอน

ขั้นตอนแรก  เริ่มจากแยกก้อนกรวดขนาดเล็ก และดูดกลิ่นเหม็นออกจากน้ำ จากนั้นน้ำจะไหลผ่านตะแกรงดักขยะ ก่อนสู่กระบวนบำบัดขั้นที่ 2 คือ การบำบัดทางชีวภาพ เพื่อกำจัดสารอินทรีย์ ไนโตรเจนและฟอสเฟส ซึ่งจะแยกตะกอนอินทรีย์ออกจากน้ำสู่ถังตกตะกอน ซึ่งขั้นตอนนี้ ตะกอนจะจมลงสู่ก้นถัง และจะได้น้ำที่ผ่านการบำบัด เป็นน้ำที่สะอาด เช่นน้ำตกจำลองนี้ ที่ทางกรุงเทพมหานครได้สาธิตความใสของน้ำที่ผ่านการ���ำบัด

ขณะนี้กรุงเทพมหานคร  มีแผนก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียรวมขนาดใหญ่  12 แห่ง และก่อสร้างไปแล้ว 7 พื้นที่ คือ สี่พระยา, รัตนโกสินทร์, ดินแดง ช่องนนทรี หนองแขม ทุ่งครุ และจตุจักร สามารถบำบัดน้ำเสียได้วันละ 990,000 ลูกบาศ์กเมตรต่อวัน ครอบคลุมพื้นที่ 199 ตารางกิโลเมตร

ส่วนอีก 5 พื้นที่ กำลังจัดหาที่ดินและดำเนินการก่อสร้าง  คือพื้นที่ คลองเตย มีนบุรี ธนบุรี หนองบอน และอาคารบำบัดน้ำเสียใต้ดิน บางซื่อ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงทดลองระบบ และก่อสร้างท่อเชื่อม ซึ่งจะสามารถเริ่มใช้งานได้จริงในช่วงกลางปีหน้า

โรงบำบัดน้ำเสียทั้ง 12 จุด ที่จะต้องสร้างให้แล้วเสร็จในปี 2563 สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร คาดการณ์ว่ายังไม่เพียงพอต่อปริมาณน้ำทิ้ง  ที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปี  กทม.จึงต้องการให้รัฐบาลสนับสนุนการสร้างโรงบำบัดน้ำเสียให้มากขึ้น

สำหรับอาคารศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม บางซื่อ ใช้งบประมาณก่อสร้าง 4,782 ล้าบาท  โดยชั้นบน ถูกปรับให้เป็นศูนย์การเรียนรู้เพื่อแสดงนิทรรศการด้านสิ่งแวดล้อม ส่วนภายนอกอาคารได้ออกแบบภูมิทัศน์เป็นสวนน้ำ โดยปลูกพืชบำบัดน้ำเสียตามโครงการพระราชดำริ  ทั้งมีเส้นทางวิ่งและทางปั่นจักรยาน เพื่อให้ประชาชนใช้เป็นพื้นที่ออกกำลังกายได้  ส่วนด้านหน้าอาคารมีม่านน้ำตกขนาดใหญ่ สระน้ำด้านหน้า ซึ่งเป็นน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้ว และไม่มีกลิ่นเหม็น จึงเป็นจุดที่ประชาชนจะใช้พักผ่อนหย่อนใจได้