ไม่พบผลการค้นหา
แสงซินโครตรอน ถูกนำมาใช้ประโยชน์ครั้งแรกในโลกเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน ส่วนในประเทศไทยเริ่มตื่นตัวและจัดตั้งคณะทำงานด้านนี้เมื่อปี 2536

แสงซินโครตรอน ถูกนำมาใช้ประโยชน์ครั้งแรกในโลกเมื่อประมาณ 50  ปีก่อน ส่วนในประเทศไทยเริ่มตื่นตัวและจัดตั้งคณะทำงานด้านนี้เมื่อปี 2536 โดยได้รับความร่วมมือจากประเทศจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้  โดยปัจจุบันสถาบันวิจัยแสงซินโคร ตรอน(องค์การมหาชน) ของไทย ถือว่ามีความทันสมัยและใหญ่ที่สุดในอาเซียน

 
 
"แสงซินโครตรอน" คือแสงที่ถูกปลดปล่อย  ออกมาจากอิเล็กตรอน ที่เลี้ยวโค้งด้วยความเร็ว ใกล้ความเร็วแสง หรือประมาณหนึ่งพันล้านกิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นแสงความเข้มสูง มีค่าพลังงานต่อเนื่อง ครอบคลุมช่วงพลังงานกว้าง  ตั้งแต่ช่วงของรังสีอินฟราเรด จนถึงรังสีเอ็กซ์  จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้หลากหลายด้าน
 
 
เครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอน ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือ 1.ปืนอิเล็กตรอน ใช้สำหรับผลิตลำอนุภาคอิเล็กตรอน 2.ระบบเครื่องเร่งอนุภาค สำหรับเร่งความเร็วของลำอิเล็กตรอน และ 3.วงกักเก็บอิเล็กตรอน สำหรับเก็บลำอนุภาคอิเล็กตรอนความเร็วสูง และบังคับให้เลี้ยวโค้งด้วยสนามแม่เหล็ก เพื่อให้ปลดปล่อยแสงซินโครตรอนออกมา
 
 
เมื่อบังคับให้แสงซินโครตรอน   เดินทางผ่านวัตถุที่ต้องการตรวจสอบ จะทำให้นักวิจัย  ทราบว่าวัตถุนั้น  ประกอบไปด้วยธาตุอะไรบ้าง  ซึ่งนำไปสู่การศึกษาวิจัยในเชิงโครงสร้างระดับอะตอมต่อไป  ซึ่งนี่ถือเป็นประโยชน์หลักของแสงชนิดนี้
 
 
สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) ตั้งอยู่ภายในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา ได้รับการยกฐานะจาก "ศูนย์ปฎิบัติการ" ให้เป็น "องค์การมหาชน" เมื่อปี 2551 และเริ่มเปิดให้บริการแสงซินโครตรอนครั้งแรกเมื่อปี 2546 
 
 
เหตุผลสำคัญที่จัดตั้งหน่วยงานนี้ เนื่องจากเมื่อปี 2536 สภาวิจัยแห่งชาติ เล็งเห็นประโยชน์ของการใช้แสงซินโครตรอน  เพื่อการพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ โดยเฉพาะงานวิจัย  เชิงโครงสร้างระดับอะตอม ซึ่งเป็นพื้นฐานของทุกสิ่งบนโลก หากคนไทยมีเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนใช้เอง จะลดการพึ่งพาจากต่างชาติ
 
 
ในช่วงที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการเข้ามาขอรับบริการแล้วกว่า 66 โครงการ ส่วนใหญ่อยู่ในภาคอุตสาหกรรมประเภทปูนซีเมนต์ รองลงมาคือ โลหะ อิเล็กทรอนิก อาหารเสริม และอาหาร
 
 
สำหรับแผนงานในปี 2556 ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยแสงวิจัยแสงซินโครตรอนฯ เปิดเผยว่า จะชักชวนผู้ประกอบการในภาคส่วนต่างๆ เข้ามาใช้ประโยชน์จากแสงซินโครตรอนมากขึ้น รวมทั้งพัฒนาเครื่องฉายรังสีเพื่อการรักษามะเร็ง ซึ่งเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยไปจำนวนมากในแต่ละปี 
 
 
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะพัฒนาเครื่องกำเนิดแสง รุ่นที่ 3 เพื่อขยายประเภทโครงการวิจัยให้มีความหลากหลายมากขึ้น พร้อมทั้งทำโครงการวิจัยร่วมกับต่างชาติ เพื่อพัฒนานักวิจัยไทยให้มีความเชี่ยวชาญด้านแสงซินโครตรอนมากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันทั่วโลกมีเครื่องกำเนิดแสงซินโครตรอนกว่า 50 แห่ง และไทยลงนามความร่วมมือเพื่อพัฒนางานวิจัยแล้ว 10 แห่ง เช่นในญี่ปุ่น เกาหลี แคนาดา และสหรัฐฯ
Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog