นัฐวุฒิ พูนพิริยะ เปิดใจกับวอยซ์ทีวี ถึงความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง ‘ฉลาดเกมส์โกง’ หลังกวาดเงินกว่า 500 ล้านบาทในจีน และขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ทำเงินอันดับ 6 ของโลกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและนักแสดงดาวรุ่งแห่งเอเชีย จากเทศกาลนิวยอร์กเอเชียนฟิล์มเฟสติวัล รวมถึงรางวัลภาพยนตร์ทริลเลอร์ยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์แฟนแทสติกเฟสต์ ในสหรัฐอเมริกา
รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม ภาพยนตร์เอเชียยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม Sequences Award และภาพยนตร์สุดสร้างสรรค์ (Most Innovative Feature) จากเทศกาลแฟนตาเซีย อินเตอร์เนชั่นแนล ฟิล์ม เฟสติวัล ที่แคนาดา
รางวัลขวัญใจคนดู จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น
ขึ้นแท่นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้อันดับ 1 ของประเทศประจำปีนี้ ที่ 112.15 ล้านบาท
ทำเงินไปกว่า 100 ล้านบาทที่ฮ่องกง และไต้หวัน สร้างสถิติเป็นภาพยนตร์ไทยที่กวาดรายได้สูงสุดในบ็อกซ์ออฟฟิศของทั้งสองประเทศ และยังครองอันดับ 1 หนังทำเงินในกัมพูชา มาเลเซีย และเวียดนาม
เพียงฉายที่ประเทศจีนในวันแรกก็โกยรายได้ไปกว่า 150 ล้านบาท และภายในสามวันก็ทำเงินไปกว่า 500 ล้านบาท ขึ้นแท่นเป็นภาพยนตร์ทำเงินอันดับ 6 ของบ็อกซ์ออฟฟิศโลกในสุดสัปดาห์นี้ จากการเข้าเข้าฉายในกว่า 7,000 โรงทั่วประเทศ ทั้งเสียงไทยและพากย์จีน รวมถึงการฉายในระบบธรรมดาและ IMAX ซึ่งรายได้รวมจากการฉายโรง 6 วัน ยังครองอันดับ 2 กวาดเงินไปแล้ว 161 ล้านหยวน หรือราว 800 ล้านบาท
นี่คือความสำเร็จส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่อง ‘ฉลาดเกมส์โกง’ ที่กำลังพิสูจน์ฝีมือของนักทำหนังไทยในเวทีโลก ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้นับเป็นผลงานแรกของไทยที่ไม่ได้นำเสนอศิลปะการต่อสู้ หรือเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ แต่สามารถประสบความสำเร็จได้ในตลาดต่างชาติ โดยปัจจุบันภาพยนตร์เรื่องนี้ทำรายได้ชนะภาพยนตร์แอ็กชันขึ้นชื่ออย่าง ‘องค์บาก (2003)’ ซึ่งทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 666 ล้านบาท ได้สำเร็จ
หลังจากที่ได้สัมภาษณ์พิเศษฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ ค่าย GDH ถึงเคล็ดลับความสำเร็จในการตีตลาดต่างชาติ วอยซ์ทีวีได้ต่อสายตรงสัมภาษณ์ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ เป็นสื่อแรกหลังจากที่ผู้กำกับวัย 36 ปี กลับจากการร่วมเทศกาลภาพยนตร์ BFI London Film Festival ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อร่วมแสดงความยินดี และแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับภาพยนตร์ไทยบนเวทีโลก
นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้กำกับ 'ฉลาดเกมส์โกง' กับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเทศกาลนิวยอร์กเอเชียนฟิล์มเฟสติวัล
สำหรับผมบางทีหนังร้อยล้านไม่มีค่าเท่ากับหนังที่ส่งผลกระทบ อิมแพคความรู้สึกหรือความคิดของคนดู คือมันมีหนังไทยเล็ก ๆ หลายเรื่องที่สามารถทำแบบนั้นได้ และอาจจะทำได้ดีกว่าหนังผมด้วยซ้ำ
ความรู้สึกหลังทราบรายได้ที่ประเทศจีน
ตื่นเต้น ดีใจแน่นอน เพราะความตั้งใจแรก เราทำหนังเรื่องนี้ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะไปเมืองนอกหรืออะไร คือผมมีความคาดหวังแค่ทำเฉพาะให้ตลาดไทย ให้คนไทยซื้อตั๋วเข้าไปดูแล้วเขาแฮปปี้ สนุกกับหนัง ผมก็แฮปปี้แล้วล่ะ แล้วพอมันเริ่มมีกระแสมากขึ้น เราก็รู้สึกยินดี ดีใจกับทีมงาน กับนักแสดงทุกคนด้วยที่ทุกสิ่งที่เขาเหนื่อยไปกับหนัง มันเห็นผล และมีหลายคนที่เห็นสิ่งเหล่านั้นเหมือนกัน ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ก็ดีใจมาก ๆ ครับ
สาเหตุที่ทำให้หนังประสบความสำเร็จขนาดนี้
ลองวิเคราะห์หลังจากไปมาหลายประเทศ นอกจากประเด็นที่ค่อนข้างจะ relate ได้เรื่องการสอบ ซึ่งจริง ๆ เป็นหัวใจสำคัญของการเป็นวัยรุ่นในเอเชีย ซึ่งมัน relate ได้กับทุกประเทศในเอเชียเลย ส่วนถ้าเป็นฝั่งยุโรปหรืออเมริกา เขาจะมองในมุมว่าหนังมันดูสนุก ตื่นเต้น และสามารถเอาเรื่องน่าเบื่ออย่างการสอบมาผสมกับหนังสไตล์จารกรรม-แอ็กชันได้ค่อนข้างลงตัว คือฝั่งนู้นจะชื่นชมตัวหนังทางไดเรกชันในการเล่าหนังมากกว่า ส่วนเอเชียนอกจากความสนุกแล้วก็เป็นประเด็นเรื่องการสอบ
ชีวิตวัยรุ่นเอเชียหมดไปกับการสอบเยอะ?
จริง ๆ เราก็ผ่านตรงจุดนั้นมาแล้วเหมือนกัน เราก็เข้าใจเขา เพราะในอดีตเราก็เคยเป็นแบบเขามาก่อน เราเข้าใจความเครียดของการนั่งนิ่ง ๆ อยู่ในห้องและดูโจทย์ต่าง ๆ ที่เราไม่รู้คำตอบนี่มันกดดันนะ
ทำไมเลือกถ่ายทอดการลอกข้อสอบในรูปแบบหนังจารกรรม
ผมชอบดูหนังแนวนี้อยู่แล้ว หนังจารกรรม Ocean’s Eleven หรือหนังสายลับแบบ Argo ผมชอบมากหนังที่ทำงานกับความรู้สึกคนอย่างชัดเจน ความเข้มข้นทางอารมณ์ตรงนั้น พอเรามาตีโจทย์ว่าหนังจารกรรมก็คือเรื่องของตัวละครกลุ่มหนึ่งที่ลงทุนเสี่ยงชีวิตทำทุกอย่างเพื่อสิ่งที่มีค่ากับเขา ซึ่งสำหรับเด็กกลุ่มนี้ สิ่งที่มีค่ากับเขาคือเกรด พอจับตรงนี้ได้ก็คิดว่าน่าสนใจเหมือนกันถ้าลองเอามาผสมกัน ถ้าเราคิดจากมุมมองของเด็ก บางทีเกรดอาจสำคัญกว่าเงินทองด้วยซ้ำ ก็เลยลองทำหนังผ่านมุมมองนี้ต่อ
หนังประสบความสำเร็จมากในจีน ถึงขั้นมีคนทำรูปปั้นบูชาครูพี่ลินด้วย
เราก็ดีใจกับน้องจริง ๆ นะ เหมือนพ่อที่เห็นความสำเร็จของลูก เวลาเราเดินสายไปสตาร์ทัวร์กับน้องเขา เห็นแฟนคลับมารอต้อนรับตั้งแต่สนามบิน เป็นความรู้สึกภูมิใจจริง ๆ คือผมไม่มีลูก แต่อันนี้น่าจะใกล้เคียงกับการมีลูกและเราส่งลูกขึ้นเวทีประกวดนางนพมาศคงรู้สึกแบบเดียวกัน
ในฐานะคนทำงาน ผมรู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ผู้กำกับคนไหนก็แล้วแต่ แค่ทำในสิ่งที่เชื่อ ทำในสิ่งที่ใช่ แล้วท้าทายตัวเองไปเรื่อย ๆ แล้วมันจะส่งผลที่ดีต่อภาพรวมของวงการหนังไทยในอนาคตครับ
การเจาะตลาดจีนของหนังไทย
อย่างที่บอก ความตั้งใจแรกเราไม่ได้มองว่าจะทำหนังมาเพื่อตะลุยตลาดจีน แต่พอมีความเป็นไปได้เข้ามาปุ๊บก็เป็นเซอร์ไพรส์ที่ดีแหละ ส่วนเรื่องโควตา จริง ๆ จีนก็มีกฎกติกาหลายอย่าง ในแง่ของเซ็นเซอร์ด้วย โควตาด้วย ซึ่งโชคดีที่หนังเราไปตอบโจทย์เขาตรงนั้นพอดี คือไม่ได้มีอะไรที่เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเขา สุดท้ายเลยกลายเป็นจังหวะที่เหมาะสมไป
มุมมองการทำหนังเปลี่ยนไปรึเปล่า เพราะภาพยนตร์เรื่องแรก ‘เคาท์ดาวน์ (2555)’ ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก แต่เรื่องนี้ได้ทั้งเงินและกล่อง
จริง ๆ มันเปลี่ยนตั้งแต่เรื่องแรกแล้วนะสำหรับตัวผมเอง เรื่องแรกผมก็ยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ได้โอกาสทำงานที่รู้สึกว่าเรารอโอกาสนี้มาทั้งชีวิต เลยมีความจัดหนัก จัดเต็ม อย่างไม่มีการบาลานซ์และก็มีความไฟแรงแบบเด็กจบใหม่ครับ แบบฉันจะเอาแบบนี้ ฉันเชื่อว่าแบบนี้ดีและถูกต้อง มันต้องเป็นแบบนี้สิ โดยที่บางทีไม่ได้แคร์ว่าคนดูจะเก็ตไหม นี่คือสิ่งที่ได้เรียนรู้หลังฉายหนังเรื่องแรกเสร็จใหม่ ๆ นะครับ พอเราเรียนรู้ตรงนี้ เราก็เลยศึกษามาเรื่อย ๆ ผมก็มีโอกาสได้ไปทำงานโฆษณา และการทำงานโฆษณาคือการตอบโจทย์ลูกค้า จริง ๆ แล้ว เราก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน วิธีคิดไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเรื่องนี้ เราก็เอาประสบการณ์ทั้งหมดที่ได้จากการทำงานหนังเรื่องแรก ถึงงานโฆษณาทุกชิ้นที่ทำ มาปรับเปลี่ยนมุมมองในการทำและทำให้มันย่อยง่ายมากขึ้นครับ
คิดว่า ‘ฉลาดเกมส์โกง’ จะเปลี่ยนมุมมองต่างชาติต่อหนังไทยได้ไหม
เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ เขาน่าจะมีความคาดหวังที่เปลี่ยนไปหลังจากนี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับตัวผมหลังจากนี้ ขึ้นอยู่กับคนทำงานในวงการหนังไทยหลังจากนี้ว่าเราจะกำหนดไดเรกชันของหนังไทยไปทางไหนได้อีกบ้าง คือความจริงผมว่าทุกประเภทของหนังที่เราทำมา ไม่ว่าจะเป็นหนังผี หนังตลก หรือหนังฝั่งอาร์ตเฮาส์เองก็ดี อย่างพี่เจ้ย-อภิชาติพงศ์ (วีระเศรษฐกุล - ผู้กำกับไทยที่ได้รางวัลปาล์มทองคำ จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ในปี 2553) สำหรับผมมันเป็นศิลปะที่มีความสวยงามในแบบของมันเองอยู่แล้ว และเราไม่สามารถมาเปรียบเทียบกันได้ สิ่งสำคัญที่เราต้องการจริง ๆ ในแง่ภาพรวมของวงการคือความหลากหลาย ผมว่านี่คือสิ่งที่เราต้องการ ในฐานะคนทำงาน ผมรู้สึกว่าไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ ผู้กำกับคนไหนก็แล้วแต่ แค่ทำในสิ่งที่เชื่อ ทำในสิ่งที่ใช่ แล้วท้าทายตัวเองไปเรื่อย ๆ แล้วมันจะส่งผลที่ดีต่อภาพรวมของวงการหนังไทยในอนาคตครับ
ไม่ใช่ผู้กำกับทุกคนที่จะได้ทำสิ่งที่เชื่อ
จริง ๆ ก่อนที่ผมจะมาอยู่ตรงนี้ได้ ผมก็ผ่านอะไรมาเยอะนะครับ ผมว่าผมเริ่มต้นช้านะ ผมทำหนังเรื่องแรกตอนอายุ 30 กว่าแล้ว ซึ่งถ้าเทียบกับปัจจุบัน เด็ก ๆ เริ่มต้นทำหนังกันตั้งแต่เรียนจบใหม่ ๆ ผมว่าข้อได้เปรียบของเด็กยุคนี้คือ โอกาสมันเยอะขึ้น คนต้องการคอนเทนต์มากขึ้น นี่คือข้อดีเลยนะครับ และผมว่าไม่ว่าจะได้โอกาสจากที่ไหนก็แล้วแต่ มันดีหมด มันมีความดีงามในตัวของมันเอง สำหรับผมความสำเร็จมันไม่ใช่แค่ทำหนังได้ร้อยล้าน มันไม่ใช่ความสำเร็จตายตัวอย่างเดียวในประเทศนี้ มันมีความสำเร็จอีกมากมายที่เราสามารถหาความดี ความสวยงามจากมันได้ สำหรับผมบางทีหนังร้อยล้านไม่มีค่าเท่ากับหนังที่ส่งผลกระทบ อิมแพคความรู้สึกหรือความคิดของคนดู คือมันมีหนังไทยเล็ก ๆ หลายเรื่องที่สามารถทำแบบนั้นได้ และอาจจะทำได้ดีกว่าหนังผมด้วยซ้ำ
ภาพจาก GDH 559
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
'ฉลาดเกมส์โกง' ทำรายได้เป็นอันดับ 6 ของโลก - แฟนคลับจีนตอบรับอย่างอบอุ่น
'ฉลาดเกมส์โกง' ฉายจีนวันแรก-โกยกว่า 150 ล้านบาท
'ฉลาดเกมส์โกง' คว้ารางวัลจากเทศกาลหนังเมืองฟุกุโอกะ
'ฉลาดเกมส์โกง' ผงาดหนังทำเงินสูงสุด Box Office ฮ่องกง
จาก ‘ฉลาดเกมส์โกง’ สู่กลยุทธ์ตีตลาด ตปท. ของ ‘จีดีเอช’