ในห้องเรียนที่รัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เมื่อหลายปีก่อน “ศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์” พูดเรื่อง “คุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์” ออกจากช่อง 7 อ.ชัยวัฒน์เสนอว่า ถ้าเขาเป็นอธิการบดีธรรมศาสตร์ เขาจะจ้าง สุรางค์ไว้ อ.ชัยวัฒน์ไม่บอกว่าจ้างมาทำอะไร แต่บอกเหตุผล “คุณแดง สุรางค์ เป็นหนึ่งในคนที่รู้จักหน้าตาของสังคมไทยได้ดีที่สุดคนหนึ่ง”
ความสำเร็จในการทำละครจนประสบความสำเร็จ ในการครองเรตติ้งอันดับหนึ่งครั้งแล้วครั้งเล่าของคุณแดงร่วมสามสิบปี ตลอดช่วงที่เธอกุมบังเหียนบริหารช่อง 7 อยู่ น่าจะสะท้อนให้เห็น ความเข้าใจหน้าตาของสังคมไทย รู้จักรสนิยมผู้บริโภค และรู้ว่าต้องสร้างละครอย่างไรถึงจะดึงดูดผู้ชมที่ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชนบทไทยให้มาดู
“นายฮ้อยทมิฬ” ที่ฉายทางช่อง 7 ทุกวันจันทร์/อังคาร แสดงให้เห็นพยายามในการสร้างละครเพื่อเชื่อมโยงกับรสนิยมของผู้บริโภค และก็สำเร็จอย่างที่ช่อง/ผู้จัดวางแผนไว้ ละครเรื่องนี้เปิดตัวในตอนแรกด้วยเรตติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศ 7.3 ถือเป็นเรตติ้งเปิดตัววันแรกสูงที่สุดเป็นอันดับสองในรอบปี รองจาก ละครราชนาวีที่รัก (หนึ่งในซีรี่ย์ภารกิจรัก ละครแนวทหารนิยมที่ผมได้เขียนถึงไป เมื่อเริ่มต้นคอลัมน์ ภูมิทัศน์วัฒนธรรม ทางวอยซ์ทีวี) ราชนาวีที่รัก ทำเรตติ้งตอนสุดท้ายสูงถึง 8.6 เป็นลำดับที่ 5 ของละครที่มีเรตติ้งตอนจบสูงที่สุดในปีนี้ รองจาก เพลิงพระนาง, เพลิงบุญ,คู่ซ่ารสแซ่บ,มือปราบเจ้าหัวใจ
ในกระทู้ทางพันทิปมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ “นายฮ้อยทมิฬ” จะเปิดตัวด้วยเรตติ้งเป็นอันดับสองของปี แต่มีแนวโน้มสูงมากที่ละครเรื่องนี้ จะจบด้วยเรตติ้งเฉลี่ยสูงสุดของปี ที่เป็นเช่นนี้เพราะเรตติ้งมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังตัวเลขที่ปรากฎว่า ตอนที่ 1 ได้ 7.3 ขณะที่ตอนล่าสุดเมื่อ วันที่ 10 ตุลาคม 2560 มีเรตติ้งถึง 8.1 (ผู้ชมราว 5.6 ล้านคน) ถือเป็นละครยอดนิยมอันดับหนึ่ง แซงหน้าทั้ง “รากนครา” (ที่ฉายก่อนหน้านี้ ในเวลาเดียวกัน) และแซงหน้าละครเรื่อง อื่นๆ ทั้งหมดในล็อตนี้
องค์ประกอบที่ทำให้ “นายฮ้อยทมิฬ” ประสบความสำเร็จ มีหลายเรื่องด้วยกัน เช่น บทละครเล่าเรื่องเร็ว สนุก ตลกคั่นดราม่าอยู่เป็นระยะ, นักแสดงพูดภาษาอีสานได้จริง ไม่แปล่งเหมือนที่ช่องคู่แข่งทำไว้, เรื่องราวขับเน้นความเป็นอีสานนิยม ภูมิภาคนิยม, ฉากสวย เป็นธรรมชาติ แต่ไม่ใช่สวยแบบชนบทที่จำลองขึ้นมาใน จิม ทอมป์สัน ซึ่งละครนาคีใช้เป็นฉากถ่ายทำ แต่สวยแบบบ้านบ้าน โล่ง โปร่ง ดิบ แห้ง ร้อน
ทั้งหมดนี้ทำให้ละครเสพง่าย และ connect กับผู้ชมได้สำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว นอกจากองค์ประกอบที่ว่ามา มีอีกสองปัจจัยที่ดึงดูดผู้บริโภคให้ชมละครเรื่องนี้ คือ ความสามารถในรวมเอาศิลปินเพลงลูกทุ่ง หมอลำ ดาวตลกมารวมตัวกันได้เป็นจำนวนมาก และ มีวัฒนธรรมอีสานแบบชนิดดูได้ตามเวทีหมอลำ เวทีลูกทุ่งให้ชมกันจริงๆ ในละคร
เพื่อจะขยายความในสองข้อนี้ คนที่ผมมักไปขอความรู้เสมอๆ คือ “สิทธิชัย ดียศ” จากคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เขาเป็นหนึ่งในคนที่รู้จักภูมิทัศน์เพลงลูกทุ่ง เพลงหมอลำ ดีที่สุดคนหนึ่งที่ผมรู้จัก ถามอะไรไป ไล่แบคกราวได้หมด และยังช่วยเก็บข้อมูล เพลงเฉลิมพระเกียรติหลังสวรรคตประเภทเพลงลูกทุ่ง เพลงหมอลำให้ผมด้วย จุดเด่นของนายฮ้อยฯฉบับนี้ คือ รวมดาวศิลปินลูกอีสาน(ที่โด่งดัง)ไว้มากที่สุด นอกเหนือจาก นายฮ้อยเคนกล้ามล่ำที่ติดกันทั่วบ้านทั่วเมือง นายฮ้อยก็มีลูกน้องที่แต่ละคนเก่งกาจคนละด้าน เช่น สีโห (ไผ่ พงศธร),บักมืด (ปอยฝ้าย มาลัยพร) ,บัวเขียว (ข้าวทิพย์ ธิดาดิน)หมอลำพเนจรที่ร่วมเดินทางไปกับทัพควาย และ อาจารย์เม้า (เฉลิมพล มาลาคำ) เหล่านี้คือ บรรดาศิลปินลูกอีสานที่ปรากฎตัวในละครรวมนี้
ยังมีดาวตลกอีกหลายคนร่วมด้วย เช่น ทิดสุบิน (สมรักษ์ คำสิงห์), ทิดจันทา (สามารถ พยัคฆ์อรุณ), เฒ่าอ่ำ (ต๋อง ชวนชื่น), เฒ่าเข่ง (เขาทราย แกแล็คซี่),ทิดแสง (เหลือเฟือ ม๊กจ๊ก) ศิลปินลูกอีสานไม่ได้มาแค่แสดงละคร พวกเขามาพร้อมเสียงร้อง มาพร้อมฉากที่ให้ได้แสดงศักยภาพเต็มที่ เช่น ไผ่ พงศธร ที่มาพร้อมกับเพลงประกอบละครเพลงหลักของเรื่อง “ต้นทางคือฮัก ปลายทางคือเฮา” เพลงนี้ประพันธ์ คำร้องและทำนอง โดย สลา คุณวุฒิ
เฉลิมพล มาลาคำ มาพร้อมกับเพลง “ลำนายฮ้อยทมิฬ” เพลงนี้ เขาทั้งขับร้อง และประพันธ์คำร้อง/ทำนองด้วยตัวเอง ,ข้าวทิพย์ ธิดาดิน มาพร้อมกับเพลง “เต้ยต๋อหัวใจ” คำร้องและทำนอง โดย สลา คุณวุฒิ และปอยฝ้าย มาลัยพร มาพร้อมกับเพลง “แห่นางแมวแอ่วฝน”
ทุกเพลง ถูกนำมาบรรจุลงในฉากใดฉากหนึ่งของละคร ให้เพลงช่วยทั้งเล่าเรื่อง ช่วยเติมอรรถรส ช่วยถ่ายทอดวิถีลูกอีสาน ที่สำคัญคือให้เพลงช่วยสร้างกระแส นอกเหนือไปจากการชมละครปกติ เช่น หลายเพลงจะถูกนำไปแสดงตามเวทีต่างๆ ถูกเปิดในวิทยุอีกหลายครั้ง
ทำไมการนำศิลปินเหล่านี้ มาแสดงละคร ร้องเพลงลูกทุ่งบ้าง เพลงหมอลำบ้าง ถึงช่วยเชื่อมกับผู้ชมได้เป็นอย่างดี ? การคุยกับสิทธิชัย ช่วยให้ผมเห็น ฐานแฟนคลับจำนวนมหาศาลที่อยู่ในชนบทไทย ศิลปินที่อยู่ในเรื่องนี้ เหมือนเป็นซุปตาร์ของเพลงลูกทุ่ง แต่ละคนมีฐานแฟนคลับเฉพาะ
ไผ่ พงศธร เจ้าของฉายา หนุ่มตามฝันจากบ้านไกล เป็นตัวแทนของผู้ชายอีสานมาทำงานในเมืองหลวง โดยเฉพาะภาพแทนของ หนุ่มโรงงาน ซึ่งตรงกับชีวิตจริงของไผ่ เพลงที่ฮิตติดหูและจารึกชื่อให้ไผ่ พงศธรเลย คือ “คนบ้านเดียวกัน” [ไผ่ พงศธร เป็นภาพแทนของหนุ่มโรงงานที่ต่างกับมนต์แคน แก่นคูน ที่มีกลิ่นอายความเป็นหมอลำ หรือ ไมค์ ภิรมย์พร ที่เป็นชนชั้นกรรมกร และมีบทเพลงแห่งความทุกข์ยาก เขาจึงเป็นนักร้องแนวหน้าที่สามารถเชื่อมกับหนุ่มโรงงานชาวอีสานได้อย่างแนบสนิท]
เฉลิมพล มาลาคำ ตัวแทนของผู้ชายวัยกลางคนจอมเจ้าชู้ ในบทเพลง รอเมียพี่เผลอ โด่งดังจากเพลง ตามใจแม่ เฉลิมพลเป็นตัวแทนของชายเจ้าชู้ที่น่าจะมีเพียงศิลปินคนเดียวอีสานที่มีลักษณะเด่นอย่างนี้ ในสมญานาม ‘บักจอบหลอย’ แฟนเพลงส่วนใหญ่จึงเป็นผู้ชายวัยกลางคน มักจะนำเพลงไปร้องโดยเฉพาะ รอเมียพี่เผลอ ตามใจแม่เถิดน้อง เปิดตำนานบักจอบหลอย นอกจากนั้น เขายังเป็นตัวแทนของผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งยังเป็นชายวัยกลางคนที่ทำงานรับใช้ชุมชนอยู่
ข้าวทิพย์ ธิดาดิน นักร้องสาวจากโครงการน้องใหม่ไต่ดาว ข้าวทิพย์เป็นภาพแทนที่ยังไม่ชัดเจนนักของคนอีสาน [แต่สามารถประเมินได้จากเพลง ว่ายังเป็นสาววัยรุ่นที่มีลักษณะแตกต่างจากต่าย อรทัย และช่วงอายุน้อยกว่า คือ เธอเป็นตัวแทนของสาวมัธยมปลาย หรือ สาวซำน้อย ที่กำลังมีความรัก โดยมีเพลงที่โด่งดัง เช่น สาว ม.ปลายยังอายฮัก,อ้ายอย่าเว้าเล่น,สาวหมอลำส่ำน้อย และเพลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับความรักของเด็กวัยรุ่น] แต่จุดด้อยของข้าวทิพย์ที่พบคือ มีลักษณะคล้ายกับต่าย อรทัย ทั้งรูปร่างหน้าตา น้ำเสียงบ้างเล็กน้อย ซึ่งทำให้ยังไม่เกิดภาพจำของผู้ฟังเท่าใดนัก รวมถึงตลาดผู้ฟังที่เป็นสาววัยรุ่นอีสาน ไม่ได้มีความนิยมเพลงลูกทุ่งหมอลำ อย่างที่แกรมมี่ต้องการสร้างตัวตนให้กับข้าวทิพย์
ปอยฝ้าย มาลัยพร หมอลำผู้โด่งดังในหมู่ชาวอีสานก่อนด้วยบทเพลง กะเทยประท้วง และ ตลกอกหัก ภาพจำของปอยฝ้ายมีหลายลักษณะ ทั้งภาพพระเอกหมอลำรูปหล่อที่รอคอยคนรัก ในเพลง แปดสองหนคนสองใจ ดอกกระเจียวลืมทุ่ง ภาพจำของตลกในเพลง ตลกอกหัก ภาพจำของกะเทยชาวบ้านในเพลง กะเทยประท้วง และที่โด่งดังอีกครั้งคือภาพจำของคนติดสุรา ในเพลง มันต้องถอน และว่าสิเซาเหล้า แต่ภาพจำที่น่าสนใจที่สุดของปอยฝ้าย ในสายตาคนอีสานคือ ผู้ชายตลก มีเสียงหัวเราะเมื่อได้อยู่ใกล้ ซึ่งอาจจะจะผสมระหว่างภาพของพระเอกหมอลำกับภาพตลกยายฝ้าย เมื่อครั้งเคยแสดงอยู่บนเวทีเสียงอีสาน
ผู้อ่านหลายท่าน อาจอ่านทั้งหมดนี้แล้ว ไม่สามารถ connect ได้เลย นั่นก็เพราะทั้งหมดนี้ไม่ใช่ประสบการณ์ที่เราคุ้นเคย ถ้าพูดถึง “รากนครา” ผมคิดว่าหลายคนจะตามทันทุกย่อหน้า การไม่สามารถ connect ได้นี่เอง เป็นภาพสะท้อนของการไม่สูงสิงกับละครของช่อง 7 ไม่เคยเปิดดู กระทั่งไม่นิยมการเสพย์วัฒนธรรมอีสาน สุดโต่งไปหน่อยก็แปะป้ายรวมไว้เป็นส่วนหนึ่งของความเจ็บ จน โง่
เอาเป็นว่า โมเดลแบบนายฮ้อยทมิฬที่เน้นการรวมตัวศิลปินลูกอีสานมาปะทะสังสรรค์ในละคร ไม่ได้เป็นแค่ความสนุก ความฮา หรือเพลงไพเราะ ที่ช่วยทำให้เส้นเรื่องสนุกสนาน น่าติดตาม แต่ศิลปินเหล่านี้มาพร้อมฐานแฟนคลับจำนวนมาก ศิลปินที่อยู่ในเรื่องนี้ เหมือนเป็นซุปตาร์ของเพลงลูกทุ่ง แต่ละคนมีฐานแฟนคลับเฉพาะ มีพื้นที่ที่พวกเขาโด่งดัง และถ้างานทางวัฒนธรรมสามารถ connect กับฐานแฟนคลับเฉพาะเหล่านี้ได้ นั่นก็คือคำตอบว่า ว่าทำไม “ช่อง 7” จึงยังเป็นที่ 1 (และเป็นทั้งคำตอบด้วยว่า ทำไมช่อง 3 จึงร่อแร่ลงเรื่อยๆ)