ไม่พบผลการค้นหา
สื่อต่างประเทศระบุว่ากรณีอื้อฉาวที่โปรดิวเซอร์คนดังของฮอลลีวูดถูกกล่าวหาว่าคุกคามทางเพศผู้หญิงหลายคนเป็นเพียงปลายยอดของภูเขาน้ำแข็ง และผู้หญิงที่เปิดโปงเรื่องเหล่านี้ก็เสี่ยงที่จะตกงานและถูกสังคมซ้ำเติมอีกด้วย

สื่อต่างประเทศระบุว่ากรณีอื้อฉาวที่โปรดิวเซอร์คนดังของฮอลลีวูดถูกกล่าวหาว่าคุกคามทางเพศผู้หญิงหลายคนเป็นเพียงปลายยอดของภูเขาน้ำแข็ง และผู้หญิงที่เปิดโปงเรื่องเหล่านี้ก็เสี่ยงที่จะตกงานและถูกสังคมซ้ำเติมอีกด้วย

'ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน' โปรดิวเซอร์ชื่อดังชาวอเมริกัน วัย 65 ปี ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทภาพยนตร์ The Weinstein Company ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลทรงอิทธิพลในวงการบันเทิงระดับโลกคนหนึ่ง ถูกสอบสวนว่าเกี่ยวพันในคดีล่วงละเมิดทางเพศหญิงสาวหลายราย และมีผู้เสียหายจำนวนมากออกมาแสดงตัวเพิ่มเติม รวมถึงนักแสดงหญิงที่ปัจจุบันมีชื่อเสียงโด่งดังอย่าง แองเจลินา โจลี และกวินเน็ธ พัลโทรว์ ซึ่งเปิดเผยว่าเคยถูกไวน์สตีนคุกคามทางเพศเมื่อสมัยแรกเข้าวงการ ส่งผลให้สถาบันศิลปะภาพยนตร์ทั้งในอังกฤษและสหรัฐฯ ต้องหารือกันว่าจะมีมาตรการอย่างไรต่อกรณีของไวน์สตีน

ก่อนหน้านี้ ไวน์สตีนเคยถูกกล่าวหาว่าข่มขืนและคุกคามทางเพศผู้หญิงมาแล้วหลายคน แต่มีการไกล่เกลี่ยนอกศาล และมีบางคดีที่เจ้าหน้าที่ระบุว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอ แต่ล่าสุด มีผู้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำนวน 3 ราย และมีการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งถ้าหากว่ามีการดำเนินคดีและศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง เขาอาจจะถูกลงโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ถึง 25 ปี

ขณะที่สื่อของอังกฤษอย่างเดอะการ์เดียน รายงานว่ากรณีของไวน์สตีนเป็นเพียงปลายยอดของภูเขาน้ำแข็ง เพราะการคุกคามทางเพศที่เกิดขึ้นในวงการบันเทิงและสื่อต่างๆ ในโลกตะวันตกนั้นมีจำนวนมากมาย ทั้งยังหยั่งรากลึกในสังคมมากกว่าที่เห็นเป็นข่าว และผู้ที่ถูกคุกคามทางเพศส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ร้องเรียนหรือเปิดเผยเรื่องนี้กับใคร

เดอะการ์เดียนอ้างอิงผลสำรวจความคิดเห็นผู้หญิงอเมริกัน 1,000 คนที่จัดทำโดยสถาบันยูกอฟโพลของสหรัฐฯ เมื่อปี 2013 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามร้อยละ 70 เคยถูกล่วงละเมิดทางเพศ แต่มีเพียงร้อยละ 27 เท่านั้นที่ยื่นเรื่องร้องเรียนหรือดำเนินคดี เพราะผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่มักเป็นบุคคลที่มีตำแหน่งสูง มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อผู้เสียหาย หลายคนกลัวว่าจะต้องตกงาน จึงไม่กล้าร้องเรียน ซึ่งในกรณีของไวน์สตีนก็เช่นกัน เพราะเขามักจะลวนลามนักแสดงหน้าใหม่และลูกจ้าง ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นผู้มีสถานะทางสังคมที่ด้อยกว่า

ส่วนเกรทเชน คาร์ลสัน อดีตผู้ประกาศหญิงของสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ของสหรัฐฯ ซึ่งออกมาเปิดโปงการคุกคามทางเพศของโรเจอร์ เอลส์ อดีตผู้บริหารฟ็อกส์นิวส์ จนทำให้เอลส์ต้องลาออกจากตำแหน่งเมื่อปีที่แล้ว แนะนำว่าถ้ามีการลวนลามหรือคุกคามทางเพศเกิดขึ้นในองค์กร จะต้องมีการบันทึกเหตุการณ์อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร และผู้ที่ถูกลวนลามควรคุยกับเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายก่อนจะตัดสินใจดำเนินคดี 

อย่างไรก็ตาม คาร์ลสันเตือนผู้ที่คิดจะฟ้องร้องดำเนินคดีผู้ล่วงละเมิดทางเพศให้เผื่อใจไว้ด้วยว่าอาจจะต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันอย่างหนัก โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ก่อเหตุเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากกว่า ผู้ร้องเรียนอาจสูญเสียทั้งชื่อเสียงและหน้าที่การงาน รวมถึงถูกสังคมรอบข้างซ้ำเติมเพราะมองว่าผู้ที่ออกมาเปิดโปงเรื่องนี้เป็นตัวสร้างปัญหา และวิธีคิดดังกล่าวเป็นสิ่งที่คนในสังคมต้องตระหนักและหาทางแก้ไข 

ก่อนหน้านี้มีคนดังในโลกตะวันตกหลายคนถูกสอบสวนในคดีลวนลามและคุกคามทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นนักร้องดังอย่างบิล คอสบี หรือพิธีกรคนดังของบีบีซีอย่างเซอร์จิมมี ซาวิลล์ รวมถึงโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนปัจจุบัน ซึ่งเคยทำรายการเรียลลิตีโชว์มาก่อน และถูกกล่าวหาว่าลวนลามผู้หญิงหลายคน เมื่อมีการเปิดโปงกรณีไวน์สตีนซึ่งเป็นผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต ทำให้ผู้สนับสนุนพรรครัฐบาลรีพับลิกันจำนวนมากใช้กรณีดังกล่าวโจมตีพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งคาร์ลสันยืนยันว่า "การคุกคามทางเพศไม่เกี่ยวกับการเมือง" แต่เป็นเรื่องของความเหลื่อมล้ำทางอำนาจ และผู้ที่คุกคามทางเพศก็มีอยู่ในทุกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขวาหรือฝ่ายซ้าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
181Article
60261Video
0Blog