ไม่พบผลการค้นหา
​การพบกันระหว่างผู้นำไทยและสหรัฐฯที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ถูกมองว่าเป็นการวางรากฐานความสัมพันธ์บนการค้า มากกว่าเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย มาดูกันว่าสิ่งที่ทั้งสองประเทศได้คุยกันในการพบกันครั้งสำคัญนี้มีอะไร และจะกระทบกับเศรษฐกิจไทยมากน้อยแค่ไหน

​การพบกันระหว่างผู้นำไทยและสหรัฐฯที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ถูกมองว่าเป็นการวางรากฐานความสัมพันธ์บนการค้า มากกว่าเรื่องสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย มาดูกันว่าสิ่งที่ทั้งสองประเทศได้คุยกันในการพบกันครั้งสำคัญนี้มีอะไร และจะกระทบกับเศรษฐกิจไทยมากน้อยแค่ไหน

การพบปะกันระหว่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีการพูดคุยถึงการปรับดุลการค้าระหว่างไทย สหรัฐฯ อย่างเข้มข้นเป็นประเด็นหลัก นายทรัมป์ย้ำว่าต้องการขายของให้ไทยมากขึ้น และยืนยันว่าความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ วางอยู่บนรากฐานของการค้าขายระหว่างกัน ในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทย-สหรัฐฯ ก็ย้ำว่าทั้งสองประเทศจะต้องดำเนินการให้เกิดการค้าที่สมดุลกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งเป็นประเด็นหลักที่สหรัฐฯต้องการกดดันไทย เนื่องจากไทยเป็น 1 ใน 16 ประเทศที่ค้าขายได้ดลกับสหรัฐฯมากจนทรัมป์สั่งสอบสวนว่ามีการทำการค้าเอาเปรียบสหรัฐฯหรือไม่

ผลของการพยายามปรับดุลทางการค้าประการแรกที่เห็นได้อย่างชัดเจน ก็คือการที่เอกชนไทยจะทำ MOU ซื้อถ่านหินจากสหรัฐฯ 50,000 - 60,000 ตัน ถือเป็นครั้งแรกที่ไทยจะซื้อถ่านหินจากสหรัฐฯ โดยนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีต่างประเทศไทย อ้างว่าแม้ก่อนหน้านี้ไทยจะซื้อถานหินเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่เทียบกันแล้วถ่านหินสหรัฐฯมีคุณภาพสูงกว่า แม้จะยังมีคำถามว่าเหตุใดไทยต้องซื้อถ่านหิน ซึ่งเป็นสินค้าราคาถูก ยากต่อการขนถ่าย และหาได้ง่าย จากประเทศที่อยู่ไกลกันค่อนโลกอย่างสหรัฐฯ

นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยจากทางการไทยว่าสหรัฐฯ ได้ปลดล็อกยอมขายอาวุธให้กับไทย หลังจากระงับไปตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อปี 2557 โดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกลาโหมของไทย ยืนยันว่าการจัดซื้ออาวุธจะเป็นไปตามแผน��านที่ค้างคาอยู่ตั้งแต่ก่อนรัฐ ประหาร โดยในแผนที่จะมีการจัดซื้อหลายอย่าง เช่นเฮลิคอปเตอร์โจมตี คอบร้า กันชิป ที่ของเดิมใกล้ปลดระวางแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็มีสัญญาณการปลดล็อกการขายอาวุธมาแล้วด้วยการที่สหรัฐฯยอมขายขีปนาวุธฮา ร์พูน 5 ลูก และเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก 4 ลำ มูลค่ารวมกว่า 4,300 ล้านบาท

ศาสตราจารย์ไชยวัฒน์ ค้ำชู อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีไทยว่า การพบกันครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าสหรัฐฯเน้นการ "ขายของ" โดยเป็นการยืนยันข้อตกลงเบื้องต้นในคราวที่รัฐมนตรีพาณิชย์ และรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ มาเยือนไทย ไม่มีการเจรจาอะไรใหม่ แต่ที่น่าสนใจคือการพบปะกันครั้งนี้ไม่มีประเด็นการเมืองในไทย เห็นได้ว่านายทรัมป์ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ และก่อนหน้านี้ก็เคยพบปะกับผู้นำซึ่งถูกวิจารณ์เรื่องความไม่เป็นประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนมาแล้วหลายคน ตอกย้ำนโยบายอเมริกัน เฟิร์ส ยึดผลประโยชน์ของตัวเองเป็นหลัก หากใครสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้สหรัฐฯ ได้ รัฐบาลก็ยืดหยุ่นให้ ไม่ได้เอาหลักการเมืองภายในมาพิจารณาเป็นสำคัญ

แม้ว่าจะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องการเมืองภายในของไทย แต่ในการพบกันครั้งนี้ ไทยก็ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในประเด็นปัญหาระหว่างประเทศถึง 3 เรื่องใหญ่ในแถลงการณ์ร่วมไทย-สหรัฐฯ ได้แก่เรื่องทะเลจีนใต้ ที่ไทยยืนยันในจุดยืนเดียวกับสหรัฐฯ ว่าตระหนักถึงความสำคัญของความมั่นคงและสันติภาพในทะเลจีนใต้  และใช้หลักกฎหมายระหว่างประเทศแก้ปัญหาข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนอย่างสันติ ส่วนในประเด็นเกาหลีเหนือ ไทยก็แสดงความกังวลถึงการทดสอบขีปนาวุธและนิวเคลียร์ รวมทั้งยืนยันว่าจะคว่ำบาตรเกาหลีเหนือตามมติสหประชาชาติ และอีกประเด็นสำคัญก็คือการแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ในรัฐยะไข่ ซึ่งสหรัฐฯและไทยแสดงออกร่วมกันว่าต้องการให้รัฐบาลเมียนมายุติความรุนแรงในยะไข่ และให้คณะกรรมการนานาชาติเข้าไปตรวจสอบเหตุการณ์
 

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
181Article
60261Video
0Blog