ไม่พบผลการค้นหา
​พรรครัฐบาลซีดียูของเยอรมนีเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งครั้งล่าสุด แม้ว่าคะแนนรวมที่ได้จะถือว่าตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่สิ่งที่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนเลือกพรรคซีดียู ก็คือ นางอังเกลา แมร์เคล ซึ่งจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 4

​พรรครัฐบาลซีดียูของเยอรมนีเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งครั้งล่าสุด แม้ว่าคะแนนรวมที่ได้จะถือว่าตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่สิ่งที่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนเลือกพรรคซีดียู ก็คือ นางอังเกลา แมร์เคล ซึ่งจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่ 4


อังเกลา โดโรเธีย แมร์เคล อายุ 63 ปี เกิดเมื่อวันที่  17 กรกฎาคม ปี 1954 ที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี เธอจบการศึกษาด้านฟิสิกส์และเคมีที่มหาวิทยาลัยไลพ์ซิกเมื่อปี 1978 ต่อมาได้เข้าศึกษาระดับปริญญาเอกที่สถาบันกลางด้านฟิสิกส์และเคมีใน กรุงเบอร์ลิน และศึกษาจบในปี 1986 และได้ทำงานที่สถาบันวิทยาศาสตร์เยอรมนี 

เมื่อกำแพงเบอร์ลินพังทลายลงในปี 1989 แมร์เคิลเข้าร่วมกลุ่มการเมืองที่ชื่อว่ากลุ่มตื่นตัวทางประชาธิปไตย หรือ DA ที่มีเป้าหมายต้องการรวมเยอรมันตะวันตกกับตะวันออกอย่างรวดเร็ว ต่อมากลุ่มนี้ก็เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม “พันธมิตรเพื่อเยอรมนี”  ที่มีแกนนำคือพรรคสหภาพคริสเตียนเดโมแครต หรือพรรค CDU ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ใหญ่สุดของเยอรมนี และการเลือกตั้งที่มีขึ้นในปี 1990 ซึ่งเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกที่เยอรมนีตะวันออกและตะวันตกได้รวมเป็นประเทศ เดียวกัน แมร์เคล ก็ได้รับเลือกเข้าสภาในนามตัวแทนพรรค CDU และยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงสตรีและเยาวชน

จากนั้น เส้นทางการเมืองของแมร์เคลก็ค่อยๆก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ในปี 1994 เธอได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและพลังงานนิวเคลียร์, ในปี 1998 เธอได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการพรรค CDU  ก่อนที่จะได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค CDU ในปี 2000 และได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเยอรมนีครั้งแรกเมื่อปี 2005 และเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเยอรมนี ปัจจุบันเธอดำรงตำแหน่งนายก รัฐมนตรีของเยอรมนีมาแล้ว 3 สมัย เป็นเวลา 12 ปี ซึ่งกฎหมายการเลือกตั้งของเยอรมนีไม่มีการจำกัดสมัยการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี

หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเธอ ก็คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจในยูโรโซน ที่สามารถทำให้เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัว ได้ถึง 3% และยังสามารถส่งออกสินค้าได้เป็นอันดับ 1 ของยุโรป ทำให้มีอัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้น และทำให้เยอรมนีเป็นเสาหลักที่สำคัญในการกอบกู้เศรษฐกิจยุโรป แมร์เคลได้รับเลือกเป็นประธานคณะมนตรีแห่งยุโรปในปี 2007 และเป็นผู้นำหญิงคนที่สองต่อจาก มาร์กาเร็ต แทตเชอร์ ที่ได้ดำรงแหน่งประธานกลุ่มประเทศ G8 ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอีกด้วย

นิตยสารไทม์ประกาศยกย่องให้แมร์เคลเป็นบุคคลแห่งปี ประจำปี 2015 ทำให้เธอเป็นผู้หญิงคนที่ 4 ที่ได้รับเลือกให้เป็นบุคคลแห่งปีของนิตยสารไทม์ โดยนิตยสารไทม์ชมเชยบทบาท ของเธอในการต่อสู้และรับมือกับปัญหาวิกฤตหลายอย่างของยุโรป ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตผู้ลี้ภัย ปัญหาหนี้สินของกรีซ และการรับเป็นเจ้าภาพการประชุมเรื่องกรณีพิพาทระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้เธอถูกมองว่าเป็นผู้นำของสหภาพยุโรปโดยพฤตินัย นิตยสารฟอร์บส์ยังได้ให้นางอังเกลา แมร์เคิล เป็นสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกถึง 3 ปีซ้อนอีกด้วย

แม้อังเกลา แมร์เคล จะมีจุดยืนที่โน้มเอียงไปทางฝั่งอนุรักษ์นิยม แต่นโยบายบริหารประเทศของเธอก็มีความยืดหยุ่น ด้วยความที่เธอมีพื้นฐานการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ หลักการบริหารประเทศของเธอจึงตั้งอยู่บนพื้นฐานของการใช้เหตุและผล การที่แมร์เคลประสบความสำเร็จในการมีจุดยืนตรงกลางระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยม และเสรีนิยม ทำให้เธอได้รับคะแนนจากทั้งสองฝ่ายมาตลอด นอกจากนี้ผลเลือกตั้งที่ออกมา แสดงให้เห็นว่านโยบายรับผู้อพยพของเธอแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำให้ เยอรมนีเสี่ยงต่อการเป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความนิยมในตัวเธอมากนักอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ 

การชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้อังเกลา แมร์เคล สร้างประวัติศาสตร์เป็นนายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนที่ 3 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งสามารถชนะเลือกตั้งได้ 4 สมัยติดต่อกัน ต่อจากนายเฮลมุท โคห์ล ซึ่งนางแมร์เคิลถือเป็นต้นแบบ และนายคอนราด อเดนาวร์ นายกรัฐมนตรีในยุคฟื้นฟูประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog