'ธเนศ วงศ์ยานนาวา' พาไปเปิดผัสสะทั้ง 5 เชื่อมโยงศาสตร์หลากหลายแขนงผ่านการชิมอาหาร ดูศิลปะ ฟังประวัติศาสตร์ อธิบายปรัชญา ซอกแซกเข้าตรอกซอกซอย รู้จักความเป็นอยู่และวิถีชีวิตชุมชนเก่าที่เป็นรากฐานส่งผ่านให้เรากลายมาเป็นตัวเราอย่างในปัจจุบัน
บางลำพู วันที่ 10 ก.ย. 60 รศ.ธเนศ วงศ์ยานนาวา อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ใน “อิ่มท้องพร้อมคุย ครั้งที่ 2 เยือนถิ่นเก่าบางลำพู” ซึ่งจัดโดย ‘TIR Journey’ โดยมีผู้ร่วมทริปจำนวนที่จำกัดเพื่อความใกล้ชิด
สำหรับการท่องเที่ยวครั้งนี้มีกิจกรรมตั้งแต่รับประทานอาหารร้านเก่าแก่หลากหลายร้านพร้อมบรรยายถึงความนิยมและที่มาที่ไปของอาหารแต่ละประเภท เดินลัดเลาะตรอกซอกซอยในชุมชนบางลำพู แวะดูการปักชุดโขนชุดนางรำ เข้าฟังบรรยายในมัสยิดโดยคนในชุมชน ทั้งนี้ ระหว่างการเดินทาง ผู้เข้าร่วมทริปสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับ รศ.ธเนศ ได้ตลอดเวลาทุกเรื่องราว ตั้งแต่ประวัติศาสตร์การเมืองในยุโรปจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ศิลปะ วัฒนธรรม อาหาร เชื่อมโยงความคิดและความสัมพันธ์จากศาสตร์หลากหลายแขนง ไม่ได้จำกัดเฉพาะเรื่องบางลำพู
เอกสารประกอบการเดินเที่ยวบางลำพู ที่จัดโดย ‘TIR Journey’ ระบุว่า บางลำพูเป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ดั้งเดิมเป็นย่านที่พักอาศัยของข้าราชการขุนนางในอดีต และเติบโตพัฒนาจนกลายมาเป็นย่านการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานครตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เนื่องด้วยมีทำเลที่ตั้งอยู่ในเขตชั้นในของเมืองและความสะดวกในการเดินทางทางน้ำ และเมื่อมีการตัดถนนในเวลาต่อมา บางลำพูยิ่งพัฒนากลายเป็นย่านพาณิชย์ที่คึกคัก
คำว่า “บางลำพู” นั้นเล่ากันว่าในสมัยก่อนย่านนี้มีต้นลำพูอยู่มากมาย โดยในอดีตสะกดว่า “บางลำภู” ซึ่งนักวิชาการสันนิษฐานว่า คำนี้อาจเพี้ยนมาจากคำในภาษามลายูว่า “สุไหงลัมปู” แปลว่า คลองที่มีตะเกียง อีกทั้งยังพบหลักฐานว่า ในตำราภาษาไทยของพระยาศรีสุนทรโวหาร(น้อย) ที่ท่านแต่งไว้ว่า “ประดู่ ลำภูไผ่ หมู่ไม้ไล่แลเสลา” ซึ่งสมัยโบราณนิยมใช้อักษร “ภ” มากกว่า “พ” อีกด้วย ในราว พ.ศ. 2498 - 2500 มีผู้เสนอความเห็นว่าควรแก้เป็น “บางลำพู” ตามชื่อต้นลำพู โดยสถานที่แห่งแรกที่ใช้ชื่อนี้คือ ที่ทำการไปรษณีย์บางลำพู ถนนสิบสามห้าง
บางลำพูในสมัยใหม่นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของยุคสมัย มีทั้งสถานบันเทิง โรงภาพยนตร์ ร้านค้า และเป็นย่านจับจ่ายใช้สอย ยอดนิยมของคนกรุง ผู้คนที่มาเที่ยวบางลำพู นอกจากจะได้มาซื้อข้าวของนานาชนิดแล้ว ยังมั่นใจได้ว่าจะพบอาหารอร่อยได้ทั้งในร้านอาหาร หาบเร่แผงลอยรวมถึงในตรอกซอกซอยต่างๆ
หนึ่งในสถานที่สำคัญที่ รศ. ธเนศ ได้พาคณะมาเยี่ยมชม คือ มัสยิดจักรพงษ์ ซึ่งน้องอันวา ไกด์เด็กจากกลุ่มเสน่ห์บางลำพูซึ่งเป็นแขกรับเชิญพิเศษของทริปนี้ ได้เป็นผู้บรรยายให้ความรู้ว่า ชุมชนนี้ยังคงความเป็นมุสลิม มีพิธีกรรมทางศาสนา สำหรับการประกอบอาชีพเดิมชุมชนแห่งนี้ทำทอง เป็นช่างทองหลวง ทำเครื่องราชอิสริยาภรณ์ มีครอบครัวที่ทำทองตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 คือครอบครัว ‘คุณย่าเล็ก’ ที่เป็นช่างทองหลวงตั้งแต่สมัยคุณปู่ สมัยก่อนทำด้วยมือทุกชิ้น ไม่ได้แบบบล็อคโรงงานเหมือนในปัจจุบัน ซึ่งคุณย่าเล็กทำทองเป็นคนสุดท้ายในชุมชน หลังจากย่าเล็กเสียก็ยังมีญาติพี่น้องในชุมชนมัสยิดจักรพงษ์มารับช่วงทำต่อ แต่ถ้าทำจริงจังแกะสลักเหมือนย่าเล็กสมัยก่อนนั้นไม่มีอีกแล้ว ประกอบกับคนไม่นิยมใช้ช่างฝีมือเพราะค่าใช้จ่ายสูงและใช้ระยะเวลามากกว่า คนจะไปซื้อทองที่ขึ้นบล็อคตามร้านขายทองทั่วไป
สำหรับมัสยิดจักรพงษ์จะแตกต่างจากมัสยิดอื่นคือไม่มีกุโบ(สุสาน) เพราะที่นี่อยู่ในเขตกำแพงเมืองชั้นใน ซึ่งมีจุดศูนย์กลางคือ พระบรมมหาราชวัง หรือวัดพระแก้ว ส่วนนอกเขตคือข้ามคลองบางลำพู
มัสยิดจักรพงษ์ อยู่ในเกาะรัตนโกสินทร์ จึงไม่มีกุโบ เช่นเดียวกับวัดต่างๆ ในเขตกำแพงเมืองชั้นในที่ไม่มีเมรุเผาศพ เช่น วัดชนะสงคราม วัดบวรนิเวศ วัดโพธิ์ พอพ้นจากคลองบางลำพู จึงมีวัดที่มีเมรุเผาศพ เช่น วัดสังเวช ส่วนกุโบที่ใกล้ที่สุดกับที่นี่คือ ที่มัสยิดมหานาค
นอกจากนั้น ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้แวะชมบ้านป้าเปี๊ยก ศิลปินผู้ปักชุดโขน ในตรอกเขียนนิวาสน์ ซึ่งข้อมูลจาก “พิพิธบางลำพู” ตอนหนึ่งระบุว่า "มรดกบนผืนผ้า ณ บ้านปักชุดละคร ชุมชนตรอกเขียนนิวาสน์-ตรอกไก่แจ้ ด้วยความรู้ที่ร่ำเรียนมาจากวังหลวง และทางครอบครัวล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนาฎศิลป์ไทย อีกทั้งเคยรับราชการในกรมศิลปากร ฝ่ายงานเครื่องอาภรณ์ “ป้าเปี๊ยก” หรือ นางสมคิด หลาวทอง ความรู้ในเรื่องเครื่องแต่งกายตามขนบของศิลปะการแสดงแบบไทยจึงอยู่ในสายเลือด ปัจจุบัน ป้าเปี๊ยก เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำชุดโขนและชุดนางรำในแบบดั้งเดิมที่เหลือเพียงไม่กี่คน ด้วยวิธีการถ่ายทอดลายปักที่มีความประณีต ลวดลายโอนอ่อนน่าพิสมัยตามลายมาตรฐานจากกรมศิลปากร เส้ยด้ายสีต่างๆ ที่บรรจงร้อยค่อยๆ เกาะเกี่ยวเป็นเส้นสายอย่างใจเย็น จนกลายมาเป็นชุดโขนอันวิจิตร ช่วยส่งเสริมให้ผู้แสดงโขนละครดูงดงามระบับจับสายตาในทุกการแสดง
ปัจจุบันผู้สนใจเข้ามาเรียนรู้การปักชุดโขน ชุดละคร มีน้อยลงและขาดการสานต่ออย่างต่อเนื่อง แต่ชาวชุมชนตรอกเขียนนิวาสน์-ตรอกไก่แจ้ส่วนหนึ่ง ยังดำรงไว้ซึ่งอาชีพเก่าแก่ ทรงคุณค่าอาชีพนี้ อาชีพที่แม้จะอยู่เบื้องหลังของเบื้องหน้า แต่พลังใจที่จะส่งต่อมรดกความรู้นี้ ให้ยังรุ่นลูกรุ่นหลาน ยังลุกโชตช่วงชัชวาล"
สำหรับย่านบางลำพูอยู่ใกล้วังหน้า จึงเป็นที่อยู่อาศัยของขุนนาง ที่ดินส่วนหนึ่งจึงเป็นของข้าราชการเก่าที่ได้มาเมื่อ 200 ปีที่แล้ว เนื่องจากคนสมัยก่อนเมื่อมาเป็นขุนนางจะมีโอกาสได้ศึกษาเล่าเรียน ได้รับพระราชทานที่ดินให้อยู่อาศัย ตั้งแต่ก่อนยุคมีการออกโฉนด ดังนั้น บางลำพูจึงมีที่ดินส่วนบุคคล นอกจากที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งในส่วนนี้ รศ. ธเนศ ได้เสริมเล่าเรื่องราวของต้นกำเนิดกรรมสิทธิ์ที่ดินในโลกตะวันตก และการนำแนวความคิดนี้เข้ามายังประเทศไทยได้อย่างสนุกสนาและเปิดโลกทัศน์อย่างมาก
ดุริยประณีต : ก่อนการถือกำเนิดขึ้นของดนตรีเชิงพาณิชย์ การฝึกซ้อมของศิลปินสมัยก่อนจะอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้านาย เพราะมีค่าใช้จ่ายในการฝึกปรือฝีมืออย่างสม่ำเสมอนั้นสูงมาก และต้องดูแลตั้งแต่เรื่องการศึกษา การเดินทาง การทำงาน รวมไปถึงครอบครัวของศิลปินด้วย คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถมีกำลังดูแลสนับสนุนได้