ไม่พบผลการค้นหา
กรมสรรพสามิต ยืนยัน ปรับแนวทางการจัดเก็บภาษีใหม่ ไม่กระทบกับประชาชนส่วนใหญ่ เพราะเป็นกลุ่มสินค้าที่ไม่มีความจำเป็น แต่คาดว่ารัฐจะมีรายได้เพิ่มกว่า 12,000 ล้านบาท

กรมสรรพสามิต ยืนยัน ปรับแนวทางการจัดเก็บภาษีใหม่ ไม่กระทบกับประชาชนส่วนใหญ่ เพราะเป็นกลุ่มสินค้าที่ไม่มีความจำเป็น แต่คาดว่ารัฐจะมีรายได้เพิ่มกว่า 12,000 ล้านบาท  
 

นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยถึง การปรับโครงสร้างของระบบกฎหมายภาษีสรรพสามิตและแนวทางการจัดเก็บอัตราภาษีใหม่  หลังบังคับใช้พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 วันนี้เป็นวันแรก 

กรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า การจัดเก็บภาษีใหม่ จะไม่กระทบกับประชาชนส่วนใหญ่ เพราะขึ้นภาษีกับสินค้าที่ไม่มีความจำเป็นและกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคโดยตรง อาทิ เหล้า เบียร์ สุรา ยาสูบ  ซึ่งโครงสร้างภาษีใหม่ จะทำให้การจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีความโปร่งใส เป็นธรรม และเป็นสากล และหากประเมินจากสัดส่วนการเก็บภาษีเดิม รวมกับสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2  รัฐจะมีรายได้เพิ่มกว่า 12,000 ล้านบาท

ด้านนายณัฐกร อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักแผนภาษี เปิดเผยถึงราคาภาษีที่จัดเก็บเพิ่มขึ้นในสินค้าชนิดต่างๆ  เช่น ภาษียาสูบ บุหรี่ที่ราคาถูกกว่า 60 บาทต่อซอง จะเพิ่มขึ้นประมาณ 4-15 บาท และบุหรี่ที่แพงกว่า 60 บาทต่อซอง เพิ่มขึ้น 2-14 บาทใน 2 ปีแรก เพื่อป้องกันการนำเข้าบุหรี่เถื่อนมาจำหน่ายในประเทศ

ส่วนภาษีสุรา ปรับขึ้นตามปริมาณดีกรี หากดีกรียิ่งสูง การจัดเก็บภาษีจะมากขึ้น เช่น เบียร์เพิ่มขึ้น 50 สตางค์ ถึง 2.66 บาท หากเป็นเบียร์กระป๋องจะเพิ่มขึ้น 0.50 บาทต่อกระป๋อง เบียร์ชนิดขวดเพิ่มขึ้น 2 บาทต่อขวด สุราขาว เพิ่มขึ้น 0.84-3.49 บาท ตามขนาดและดีกรี  สุรากลั่น ผลิตในประเทศ  เพิ่มขึ้น 8-30 บาทต่อขวด สุรากลั่นนำเข้าจากต่างประเทศ ปรับลดลง 3-26 บาท ต่อขวด 40 ดีกรี เพิ่มขึ้น 30 บาทปรับเพิ่มขึ้น ขวด 8-30 บาท ส่วนไวน์ ที่ผลิตในประเทศ ราคาต่ำกว่า 1,000 บาทปรับลดราคาลง 25 บาทต่อขวด ส่วนไวน์นำเข้าจากต่างประเทศ  ราคาเกิน 1,000 บาท ปรับราคาเพิ่มขึ้น 110 บาทต่อขวด 

สำหรับภาษีน้ำหวาน การเก็บขึ้นอยู่กับปริมาณความหวานเป็นไปตามกฎกระทรวงกำหนด ซึ่งเดิมน้ำผักและผลไม้ไม่ต้องชำระภาษี เนื่องจากเป็นน้ำเพื่อสุขภาพ แต่หากมีค่าความหวานเกิน  ก็ถูกเก็บภาษีเช่นเดียวกัน  ยกเว้น หญ้าหวาน ไม่ต้องเสียภาษี เพราะไม่มีแคลลอรี่ เช่น  เครื่องดื่มสูตรปกติ น้ำอัดลม เพิ่มราคาขึ้น 13 สตางค์ ถึง 50 สตางค์  เครื่องดื่มบำรุงกำลัง – เกลือแร่ เพิ่ม 0.32-0.90บาท  น้ำพืชผัก-ผลไม้ เพิ่มราคาขึ้น 0.06 -0.54 บาท ชาเขียว เพิ่มราคาขึ้น 1.13 - 2.05 บาท  เช่นเดียวกับกาแฟ ที่เพิ่มราคาขึ้น 1.35 บาท 

ทั้งนี้ กรมสรรพสามิต ยังไม่พบว่า มีร้านค้ากักตุนสินค้าไว้เพื่อขึ้นราคา เนื่องจากการปรับขึ้นภาษี จะอนุญาตให้เฉพาะสินค้าที่ผลิตหลังวันที่ 16 กันยายนเท่านั้น 

 

รายงานโดย : เบญจมาศ วิถี 

 


 

 

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
181Article
60261Video
0Blog