หลังกรมอนามัย มีแผนจัดระเบียบคาเฟ่สัตว์เลี้ยง ให้ดำเนินการถูกต้องตามหลักสุขาภิบาล ผู้ประกอบการ ยอมรับว่า เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกิจการ พร้อมเสนอแนวทางรักษาความสะอาด และป้องกันโรคติดต่อ ที่มองว่าสามารถแก้ปัญหาได้จริง และมีประโยชน์ต่อทุกฝ่าย 

ความใกล้ชิดระหว่างผู้ใช้บริการ และ ตัวแร็กคูนขนหนานุ่ม หางยาวเป็นพวง คือภาพที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน ภายในร้าน 'ลิตเติล ซู คาเฟ่' คาเฟ่สัตว์เลี้ยง 1 ใน 3 แห่ง ที่เปิดกิจการที่สยามสแควร์ ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งรู้จักร้านผ่านสื่อกระแสหลักและสื่อออนไลน์ การได้คลุกคลีหยอกล้อกับสัตว์อย่างใกล้ชิด ทั้งสุนัข เมียร์แคต เรดฟ็อกซ์ ฯลฯ ในพื้นที่เดียวกับการรับประทานอาหารและของว่าง เป็นจุดมุ่งหมายหลักของผู้ใช้บริการ

ล้างมือให้สะอาดก่อนใช้บริการ เป็นมาตรการป้องกันเชื้อโรค ที่อาจปะปนมาจากสภาวะแวดล้อมภายนอก เช่นเดียวกับการเปลี่ยนรองเท้า ซึ่งช่วยป้องกันการติดต่อโดยตรง เมื่อสัตว์สัมผัสร่างกายผู้ใช้บริการ  ในอนาคต 'ลิตเติล ซู คาเฟ่' มีแนวคิดให้ผู้ใช้บริการเปลี่ยนถุงเท้าอีกด้วย หลังพบว่า สัตว์มักเลียเท้าผู้ใช้บริการอยู่เสมอ 

ประสบการณ์กว่า 10 ปี ในวงการสัตว์เลี้ยงประเภทเอ็กโซติก หรือสัตว์แปลก ของ วชิราภรณ์ อร่ามพิบูลย์ผล มีส่วนสำคัญต่อดำเนินการกิจการคาเฟ่สัตว์เลี้ยง ด้วยความเข้าใจ เธอมองว่า มาตรการจัดระเบียบคาเฟ่สัตว์เลี้ยงล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข เช่น การโซนนิ่งพื้นที่สัตว์แยกกับพื้นที่กิน เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินกิจการ 

ปัจจุบัน ผู้ดำเนินการกิจการคาเฟ่สัตว์เลี้ยง จำเป็นต้องได้รับใบอนุญาตจากท้องถิ่น 2 ประเภท ตามกฎหมาย ประกอบด้วย ใบประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ประเภทที่ 1 วงเล็บ 2 ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2558 และใบอนุญาตสถานประกอบกิจการจำหน่ายอาหาร ที่มีขนาดเกินกว่า 200 ตารางวา

อย่างไรก็ตาม การประชุมล่าสุดเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา (13 ก.ย.) กรมอนามัยชี้แจงเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยสุขลักษณะของสถานที่จำหน่ายอาหาร อยู่ระหว่างการตรวจสอบโดยคณะกรรมการฎีกา หลังผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว คาดว่าสามารถประกาศใช้ภายในเดือนกันยายน 2560 ซึ่งจะมีผลให้ธุรกิจคาเฟ่ไม่สามารถให้บริการ โดยมีสัตว์เลี้ยงอยู่ปะปนกับคนขณะบริโภคอาหารได้