รัฐบาลออสเตรเลียขอให้ประชาชนช่วยกินเนื้อจิงโจ้ให้มากขึ้น แก้ปัญหาจิงโจ้ล้นประเทศ โดยขณะนี้ออสเตรเลียมีจิงโจ้ 45 ล้านตัว มากกว่ามนุษย์ถึงเท่าตัว
ปัญหาจิงโจ้ที่แพร่พันธุ์ทั่วออสเตรเลีย จนไม่สามารถควบคุมได้กลายเป็นปัญหาระดับชาติ ซึ่งขณะนี้มีจำนวนจิงโจ้อยู่ในประเทศมากถึง 45 ล้านตัว มากกว่ากว่ามนุษย์ถึง 1 เท่า ซึ่งจำนวนจิงโจ้ที่มากเกินไปก่อให้เกิดปัญหาด้านสภาพแวดล้อมหลายอย่าง ทั้งการเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศและระบบนิเวศที่จิงโจ้จะเข้าไปแย่งอาหารของ สัตว์ท้องถิ่นชนิดอื่นๆ รวมทั้งการเกิดอุบัติบนท้องถนน เนื่องจากจิงโจ้กระโดดตัดหน้ารถยนต์ที่วิ่งอยู่บนถนน
รัฐบาล ออสเตรเลียจึงออกมารณรงค์ให้ประชาชนกินเนื้อจิงโจ้ให้มากขึ้น เพื่อช่วยลดประชากรจิงโจ้ทางหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลก็มีโครงการลดจำนวนประชากรจิงโจ้ด้วยการฆ่าอย่างมีมนุษยธรรมอยู่ แล้ว นอกจากนี้แต่ละรัฐในออสเตรเลีย ยังมีการออกใบอนุญาตให้ล่าจิงโจ้อย่างถูกต้องตามกฎหมายเพื่อควบคุมจำนวน จิงโจ้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
จิงโจ้ที่ถูกฆ่าจะถูกถลกหนังเพื่อนำไป ฟอก ซึ่งสามารถนำไปผลิตเป็นสินค้าอย่างอื่นหรือส่งออกได้ แต่เนื้อของจิงโจ้จำนวนมหาศาลกลับถูกทิ้งโดยไม่ใช้ประโยชน์ เนื่องจากไม่เป็นที่นิยมสำหรับการบริโภค แม้ว่ารัฐบาลออสเตรเลียพยายามที่จะประชาสัมพันธ์ว่าเนื้อจิงโจ้มีรสชาติ อร่อย ปลอดจากสารเคมี เนื่องจากอาศัยอยู่ตามธรรมชาติและมีธาตุเหล็กสูง นอกจากนี้ การบริโภคเนื้อจิงโจ้ยังส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อม เนื่องจากจิงโจ้เป็นสัตว์ที่ปล่อยก๊าซมีเทนน้อยกว่าวัวหรือหมูที่เลี้ยงแบบ อุตสาหกรรมหลายเท่า
อย่างไรก็ตาม ชาวออสเตรเลียส่วนมากยังไม่สามารถทำใจกินเนื้อจิงโจ้ได้ เพราะจิงโจ้เป็นสัตว์ประจำชาติของออสเตรเลีย ที่สำคัญ จิงโจ้เป็นสัตว์ที่น่ารักเกินกว่าจะถูกกิน ซึ่งความคิดแบบนี้มาจากอิทธิพลของละครสคิปปี เดอะ บุช ในยุคทศวรรษที่ 1960 ซึ่งทำให้ชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่มองจิงโจ้เป็นสัตว์เลี้ยงน่ารักมากกว่าสัตว์ เพื่อการบริโภค
นอกจากนี้ ประชาชนส่วนหนึ่งก็ออกมาต่อต้านมาตรการควบคุมประชากรจิงโจ้ของออสเตรเลีย โดยอ้างว่าไม่พบหลักฐานใดๆที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจำนวนจิงโจ้ที่มีมาก เกินไปก่อให้เกิดปัญหาสภาพแวดล้อม