ไม่พบผลการค้นหา
สองประเทศเตรียมเปิดจุดผ่านแดนเพิ่ม 4 แห่งเพื่อเร่งขยายการค้า คาดจะเปิดเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อไทย - กัมพูชาได้ในเวลาอีกไม่นาน

สองประเทศเตรียมเปิดจุดผ่านแดนเพิ่ม 4 แห่งเพื่อเร่งขยายการค้า คาดจะเปิดเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อไทย - กัมพูชาได้ในเวลาอีกไม่นาน “ประยุทธ์” ปลื้มระบุจะเป็นเส้นทางสายประวัติศาสตร์ ส่วน “ฮุนเซ็น” ถึงขั้นแต่งเพลงให้เพื่อสัญญลักษณ์ “สะพานมิตรภาพ”

วันนี้ 7 กันยายน ที่กัมพูชาได้มีพิธีลงนามกระชับความร่วมมือระหว่างไทยและกัมพูชาหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วม และผู้นำของสองประเทศแถลงถึงความคืบหน้าหลายด้านโดยเรื่องหลักคือการผลักดันการเชื่อมโยงทางคมนาคม โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟไทยและกัมพูชาที่คาดว่าจะเดินรถได้ในเวลาอีกไม่ช้า

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวในช่วงการแถลงข่าวร่วมว่า การเชื่อมโยงทางเส้นทางรถไฟนั้นจะดำเนินการเพื่อไปให้ถึงกรุงพนมเปญโดยเร็ว เมื่อทำได้เส้นทางนี้จะถือว่าเป็นเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์เชื่อมไทยเข้ากับประเทศในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง ข้อมูลของกระทรวงต่างประเทศระบุว่า ขณะนี้รางรถไฟของสองประเทศเชื่อมต่อกันแล้ว ถือเป็นส่วนหนึ่งของการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมโยงเส้นทางสายอรัญประเทศ ปอยเปต ศรีโสภณ พระตะบองที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2563 ส่วนข้อมูลจากพลโทวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า เส้นทางคมนาคมของไทยกัมพูชานี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะเชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมทางบกทางทะเลที่เรียกว่าโครงการ one belt, one road ของจีน ซึ่งไทยและกัมพูชาจะต้องเร่งรัดเจรจาทำความตกลงทวิภาคีว่าด้วยการบนส่งทางถนนของสองประเทศเพื่อให้เดินรถขนส่งสินค้าและรถโดยสารไม่ประจำทางระหว่างกันได้

ด้านนายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จมหาอัครเสนาบดีเดโชฮุนเซ็นกล่าวในระหว่างการแถลงว่า สองประเทศตกลงที่จะเปิดด่านถาวรเพิ่มอีก 4 แห่งเพื่อให้การติดต่อกันสะดวกมากขึ้นรวมทั้งเป็นการเพิ่มความสะดวกในการติดต่อที่ชายแดน ตามข้อมูลของกระทรวงต่างประเทศระบุจุดหนึ่งที่จะเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรคือที่บ้านหนองเอี่ยน จังหวัดสะแก้ว เชื่อมกับสตึงบท จังหวัดบันเจียเมียนเจยของกัมพูชา

ข้อมูลของสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ ประทับใจที่นายฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชาแต่งเพลงให้ไทย 4 เพลงเกี่ยวกับ “สะพานมิตรภาพ” ที่บ้านหนองเอี่ยน - สตึงบท ฝ่ายไทยก็ต้องการให้มีการเร่งรัดการก่อสร้างบรรดาถนน สะพานต่างๆเพื่อให้มีการเปิดจุดผ่านแดนถาวรนี้ให้ได้โดยเร็วเพื่อให้เป็น “สะพานแห่งมิตรภาพ” ระหว่างสองประเทศ

พลโทวีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ข้อมูลด้วยว่า ไทยได้จัดตั้งหน่วยประสานงานชายแดนด้านยาเสพติดโดยประจำการที่จุดผ่อนปรนผ่านแดนที่ช่องสายตะกู บุรีรัมย์เพื่อเตรียมรองรับผลกระทบในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นจากการที่จะยกระดับพื้นที่นี้ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรต่อไป ในหนนี้สองฝ่ายตกลงจะร่วมมือกันรักษาภูมิทัศน์เตรียมรับการเปิดจุดผ่านแดนถาวรเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย ส่วนการเชื่อมโยงกันทางน้ำนั้น เวียดนามจะเป็นเจ้าภาพการประชุมความร่วมมือด้านการเดินเรือชายฝั่ง ไทย กัมพูชา เวียดนามเพื่อประโยชน์ในการขนส่งสินค้าและการท่องเที่ยวของทุกฝ่าย

สมเด็จฮุนเซ็นและพลเอกประยุทธ์ยังกล่าวถึงเรื่องความร่วมมือทางการค้า มีการตั้งเป้าจะเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน โดยไทยจะรับซื้อสินค้าจากกัมพูชามากขึ้น อีกด้านจะมีการร่วมกันหามาตรการเพิ่มเติมในการเปิดทางให้ผู้ส่งสินค้าเขมรสามารถส่งไปประเทศที่สามได้ง่ายขึ้น ในเรื่องมูลค่าการค้านั้น พลอากาศเอกประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าได้มีการตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะให้มีมูลค่าถึง 15,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2573 จึงจะต้องเร่งอำนวยความสะดวกการค้าชายแดน และส่งเสริมการนำเข้าสินค้าการเกษตรแบบมีพันธะสัญญา ส่วนในเรื่องการลงทุน ก็จะเร่งแก้ปัญหาในเรื่องการใช้แรงงานผิดกฎหมาย และคัดแยกการส่งแรงงานให้ถูกต้อง

ทั้งสองฝ่ายระบุว่าในเรื่องปัญหายาเสพติด ไทยจะสนับสนุนในเรื่องการบำบัดคนติดยา และมีความคิดริเริ่มจะให้มีหมู่บ้านปลอดยาเสพติด พลเอกประยุทธ์ยืนยันว่าไทยยินดีจะช่วยจัดตั้งศูนย์แก้ปัญหาทั้งป้องกันและปราบปราม สองฝ่ายจะร่วมมือกันมากขึ้นในด้านต่างๆ

“เราจะเดินหน้าให้ประเทศก้าวไปพร้อมๆ กันไปสู่ความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน มีแนวทางร่วมกันเรียกว่าไทยบวกหนึ่ง กัมพูชาบวกหนึ่งและขยายไปยังประเทศอื่นๆ อยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ที่ยั่งยืน ไว้ใจซึ่งกันและกัน ไม่หวาดระแวง มีผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน” ผู้นำทั้งสองฝ่ายจับมือและโอบกอดกันหลังการแถลง

พลโทวีรชนยังให้ข้อมูลด้วยว่า ไทยและกัมพูชาดำเนินการคืบหน้าในเรื่องของการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดน โดยล่าสุดได้สำรวจสภาพและที่ตั้งของหลักเขตแดนไปแล้วทั้งสิ้น 68 หลัก จากจำนวนหลักเขตทั้งสิ้น 73 ส่วนพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความร่วมมือในเรื่องความมั่นคงว่า ทั้งสองฝ่ายจะเร่งจัดทำรายชื่อผู้ประสานงาน สำหรับช่องทางการสื่อสารเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน หรือ hotline ในทุกระดับการบังคับบัญชาเพื่อการประสานงานในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนได้อย่างทันท่วงที
 

 

หมายเหตุ ภาพจากเว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
181Article
60261Video
0Blog