ไม่พบผลการค้นหา
ผลสำรวจความคิดเห็นชาวต่างชาติจาก 166 ประเทศทั่วโลก ระบุว่าบาห์เรนเป็นประเทศที่น่าอยู่และน่าไปทำงานมากที่สุดในโลกในปีนี้ ส่วนไทยคงที่อยู่ในอันดับ 18 แต่สหรัฐฯ และอังกฤษมีอันดับตกลงจากปีก่อนหน้ามากที่สุด เป็นผลจากความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและนโยบายต่างประเทศ

ผลสำรวจความคิดเห็นชาวต่างชาติจาก 166 ประเทศทั่วโลก ระบุว่าบาห์เรนเป็นประเทศที่น่าอยู่และน่าไปทำงานมากที่สุดในโลกในปีนี้ ส่วนไทยคงที่อยู่ในอันดับ 18 แต่สหรัฐฯ และอังกฤษมีอันดับตกลงจากปีก่อนหน้ามากที่สุด เป็นผลจากความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและนโยบายต่างประเทศ

เว็บไซต์ 'อินเทอร์ เนชั่นส์' เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในต่างแดน เพื่อจัดอันดับประเทศน่าอยู่ที่สุดสำหรับชาวต่างชาติ หรือ Expat Insider ประจำปี 2017 โดยอ้างอิงข้อมูลจากผลตอบแบบสอบถามของชาวต่างชาติที่มีต่อประเทศซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางหลักรวม 65 ประเทศทั่วโลก ปรากฎว่า 'บาห์เรน' เป็นประเทศที่น่าอยู่และน่าทำงานมากที่สุดในปีนี้ เพราะได้รับคะแนนมากที่สุดในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความเป็นมิตรกับชาวต่างชาติ โอกาสก้าวหน้าทางอาชีพ และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ

ส่วนอันดับ 2-10 ได้แก่ คอสตาริกา เม็กซิโก ไต้หวัน โปรตุเกส นิวซีแลนด์ มอลตา โคลอมเบีย สิงคโปร์ และสเปน ขณะที่กลุ่มประเทศรั้งท้ายซึ่งได้คะแนนในการจัดอันดับครั้งนี้น้อยที่สุด ได้แก่ ตุรกี อินเดีย กาตาร์ ยูเครน อิตาลี ซาอุดีอาระเบีย บราซิล ไนจีเรีย คูเวต และกรีซ แต่ไทยมีอันดับคงที่จากปีที่แล้ว คือ อันดับ 18 แต่ยังมีคะแนนเป็นรองเวียดนาม ซึ่งอยู่ในอันดับ 12 และมาเลเซีย อันดับ 15

นอกจากนี้ อังกฤษและสหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่คะแนนรวมลดต่ำลงมากที่สุดในปีนี้ โดยอังกฤษตกจากอันดับ 33 มาอยู่ที่อันดับ 54 เป็นผลจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและการจ้างงานชาวต่างชาติ หลังจากอังกฤษลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป หรือเบร็กซิท ทำให้ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น ทั้งยังเกิดกระแสต่อต้านชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น โดย 2 ใน 3 ของชาวต่างชาติที่ตอบแบบสอบถามระบุว่า ความพอใจที่จะอยู่ในอังกฤษลดต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งสภาพอากาศซึ่งแปรปรวนและมีแดดน้อย ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อังกฤษได้คะแนนรั้งท้ายในประเด็นสภาพความเป็นอยู่

ขณะที่สหรัฐฯ ตกจากอันดับ 26 มาอยู่ในอันดับที่ 43 โดยผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมืองและเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดปัจจุบัน มีผลต่อบรรยากาศและความเป็นมิตรต่อชาวต่างชาติ เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันอย่างชัดเจนว่าจะยึดมั่นในนโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" และผู้ตอบแบบสอบถามเพียงร้อยละ 38 เท่านั้นที่มองว่าสหรัฐฯ มีเสถียรภาพทางการเมือง ขณะที่การพิจารณายกเลิกหรือปรับเปลี่ยนนโยบายด้านระบบประกันสุขภาพจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชาวต่างชาติ อาจสูญเสียโอกาสเข้ารับการรักษาพยาบาล เนื่องจากไม่สามารถจ่ายค่าประกันสุขภาพในราคาที่สูงขึ้นได้

ทั้งนี้ ผลการจัดอันดับประเทศน่าอยู่สำหรับชาวต่างชาติ จัดทำขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยองค์กรระหว่างประเทศ "อินเตอร์ เนชั่นส์" ซึ่งมีเครือข่ายเป็นชาวต่างชาติกว่า 2.8 ล้านคนทั่วโลก โดยในปีนี้มีการสำรวจความคิดเห็นชาวต่างชาติ 12,500 คนจาก 165 ประเทศ มีเกณฑ์การให้คะแนนในประเด็นต่างๆ ได้แก่ สภาพแวดล้อมและสังคม ความเป็นมิตรของคนในประเทศที่มีต่อชาวต่างชาติ ค่าครองชีพ โอกาสก้าวหน้าทางอาชีพ ระบบสาธารณูปโภค สวัสดิการด้านสุขภาพ ความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน รวมถึงความสะดวกและน่าเชื่อถือของระบบการเงิน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานอ้างอิงผลสำรวจของบริษัทวิจัยทางการตลาด 'ฟินแอคคอร์ด' ประเมินว่าชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในต่างแดนจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 60 ล้านคนทั่วโลกภายในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งการสำรวจความคาดหวังและความพอใจของชาวต่างชาติจะเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่ต้องการดึงดูดกลุ่มคนต่างชาติที่มีความสามารถและทักษะเฉพาะให้เข้าไปทำงานหรือช่วยเหลือในการพัฒนาด้านต่างๆ ในอนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
181Article
60261Video
0Blog