ไม่พบผลการค้นหา
​นายทหารยศพลตรี ยันยืนไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการอุ้มนักธุรกิจรีดทรัพย์ ด้านผู้บังคับการ 191 เคยก่อเหตุมาแล้ว 3-4 ครั้ง รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท พร้อมสั่งเร่งไล่ล่าเพื่อนร่วมขบวนการอีก 2 ราย ที่ยังหลบหนีอยู่ ขณะที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด แม้มีนายทหารเกี่ยวข้อง 

​นายทหารยศพลตรี ยันยืนไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการอุ้มนักธุรกิจรีดทรัพย์ ด้านผู้บังคับการ 191 เคยก่อเหตุมาแล้ว 3-4 ครั้ง รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท พร้อมสั่งเร่งไล่ล่าเพื่อนร่วมขบวนการอีก 2 ราย ที่ยังหลบหนีอยู่ ขณะที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด แม้มีนายทหารเกี่ยวข้อง 

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 พร้อมฝ่ายสืบสวนตำรวจท่องเที่ยว และฝ่ายสืบสวนนครบาลโครกคราม ร่วมแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาก่อเหตุรีดทรัพย์นักธุรกิจ จำนวน 8 ราย ประกอบด้วย พล.ต.จรูญ อำภา สังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย , พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ ปอศ. , นายเสาวเดช ศักดิ์กิตตินันท์ , นายอภิวัฒน์ ศรีนะพรม , นายเทพพิทักษ์ รัดทะนี , นายทรงวุฒิ เที่ยงธรรม ทั้ง 4 คน เป็นทหารสังกัดกรมสารวัตรทหารเรือ นายโอภาส ศรียา และนายโก๊ะ เต็ก ชวน ชาวสิงคโปร์ เบื้องต้นแจ้ง ข้อหาร่วมกันบุกรุกเคหะสถาน และร่วมกันขู่กรรโชกทรัพย์ ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นข้าราชการ จะแจ้งกระทำผิดกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพิ่มเข้าไปด้วย

พฤติกรรมของขบวนการนี้ คือแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง บุกเข้าไปในเคหะสถานต่างๆ เพื่ออุ้มนักธุรกิจชาวไทยและต่างชาติไปรีดทรัพย์ ที่ผ่านมาเคยทำในลักษณะนี้แล้ว 3-4 ครั้ง รวมมูลค่ากว่า 50 ล้านบาท เหยื่อคนล่าสุด คือ นายสุรชัย แซ่ย่าง เจ้าของ บริษัท นิวเจนแอร์เวย์ จำกัด และนายทรงศักดิ์ วิโรจน์ถาวรกิจ ผู้จัดการบริษัทฯ ไปรีดทรัพย์สินเงินสด 20 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายต่อรองเหลือ 2 ล้านบาท และเมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยก็จะปล่อยตัวไป พร้อมข่มขู่ห้ามไปแจ้งความ หรือเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทุกรายให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันก่อเหตุขู่กรรโชกทรัพย์จริง มีเพียง พล.ต.จรูญ ที่ยังคงให้การภาคเสธ โดยระบุว่า ไปพบผู้เสียหายในที่เกิดเหตุจริง แต่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว สำหรับคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องรวม 10 ราย แต่จับกุมตัวได้ 8 ราย ส่วนอีก 2 ราย อยู่ระหว่างการหลบหนี ทราบชื่อ นายอุทิศ ก่อแก้ว และนายฐิติกร ชื่นอุรา 

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุไม่มีความกังวล แม้ผู้ต้องหาจะเป็นนายทหารยศพลตรี ยืนยันทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย เบื้องต้น เชื่อมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดกับนายทหารรายนี้ได้ เพราะพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริง ขั้นตอนต่อไปจะแจ้งไปยังต้นสังกัด

ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยัน กองทัพไม่ให้ความช่วยเหลือ หากผิดให้ดำเนินการตามกฎหมายเต็มที่ เช่นเดียวกับ พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุ หากกำลังพลกระทำผิดจริง กระทรวงกลาโหมจะไม่ละเว้น แต่เบื้องต้นต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนความผิดทางวินัย จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน หากมีความผิดก็จะต้องพักราชการ

ทั้งนี้ การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องมาจากญาติผู้เสียหาย เข้าไปร้องทุกข์ต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง จึงได้สั่งการให้สายตรวจพิเศษ 191 สืบสวนและติดตามจับกุมคนร้าย จากการตรวจค้นภายในบ้านของกลุ่มคนร้ายไม่พบหลักฐานอะไรเพิ่มเติม เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และร่วมกันบุกรุก ก่อนที่กลุ่มผู้ต้องหาจะได้รับการประกันตัวไป 5 คน เหลืออีก 3 คนซึ่งมีหลักฐานการกระทำความผิดชัดเจน ประกอบด้วย นายโอภาส ศรียา ผู้รับโอนเงิน, พ.ต.ท.ณัฐกฤษต์ ยุทยา พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. และนายโก๊ะ เต็กชวน ชาวสิงคโปร์ โดยจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก 

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
190Article
76559Video
0Blog