ศาลตุรกีสั่งจำคุกกราวรูดนายทหารกว่า 300 นาย ฐานวางแผนยึดอำนาจเมื่อเกือบสิบปีก่อน พวกนายพลแกนนำก่อการเจอโทษคนละ 20 ปี เปิดศักราชรัฐบาลพลเรือนคุมกองทัพ
แกนนำกลุ่มวางแผนยึดอำนาจนายกรัฐมนตรี รีเซ็ป เทย์ยิป แอร์โดแกน เมื่อปี 2546 ประกอบด้วย อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 พลเอกนอกราชการ เซติน โดแกน, พลเอกนอกราชการ ฮาลิล อิบราฮิม ฟีร์ตินา, และนายพลเรือเอกนอกราชการ ออสเดน ออร์เน็ก
ทั้งสามถูกศาลในเมืองซิลลิฟรี ทางตะวันตกของนครอิสตันบุล พิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต แต่ได้ลดโทษเหลือจำคุก 20 ปี เพราะแผนทำรัฐประหารล้มเหลว
กองทัพตุรกีมีบทบาทในการเมืองของประเทศมาโดยตลอดนับแต่ยุคของมุสตาฟา อะตาเติร์ก ผู้ก่อตั้งประเทศตุรกี ทหารเคยยึดอำนาจมาแล้ว 4 ครั้งในช่วงเวลาครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
แผนยึดอำนาจรัฐบาลของพรรคการพัฒนาและความยุติธรรม (เอเคพี) เมื่อปี 2546 นี้ มีชื่อรหัสว่า "ค้อนปอนด์" การตัดสินความผิดของนายทหารครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการไต่สวนในศาลพลเรือน
คดีซึ่งมีการตัดสินเมื่อวันศุกร์นี้ มีการไต่สวนนายทหารทั้งหมด 365 นาย โดยใช้เวลา 2 ปี มีทั้งนายทหารประจำการและนอกราชการ ทั้งนี้ มีจำเลยแค่ 34 คนที่ศาลได้ยกฟ้อง การไต่สวนคดีนี้เริ่มขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม 2553
นายทหาร 78 นายถูกสั่งจำคุก 18 ปี และอีก 246 นายถูกจำคุก 16 ปี ในจำนวนนี้ มีนายทหาร 28 คนได้รับการลดโทษเป็นการจำคุก 12 ปี
นายกรัฐมนตรีแอร์โดแกน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวที่กรุงอังการา ว่า คดีนี้ยังไม่ถึงที่สุด จำเลยยังคงมีสิทธิ์ที่จะร้องอุทธรณ์ต่อไป
อัยการบรรยายฟ้องว่า นายทหารเหล่านี้ได้วางแผนที่จะระเบิดมัสยิดเก่าแก่ในนครอิสตันบุล และจุดชนวนความขัดแย้งกับประเทศกรีซ เพื่อสร้างสถานการณ์เปิดทางให้ทหารเข้ายึดอำนาจ
แอมเนสตี อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวในถ้อยแถลงเป็นภาษาตุรกีว่า คำพิพากษาของศาลได้ตอกย้ำว่า คนที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนจะต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย หากแผนรัฐประหารนี้ประสบความสำเร็จ พลเมืองจำนวนมากจะล้มตาย และจะมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนตามมา
ฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลยกย่องการไต่สวนนี้ว่าเป็นการก้าวไปสู่ระบอบประชาธิปไตย ขณะฝ่ายตรงข้ามมองว่า เป็นการปิดปากผู้มีความเห็นต่าง
กองทัพตุรกีเคยโค่นล้มรัฐบาลมาแล้ว 3 ชุดเมื่อปี 2503, 2514 และปี 2523 รวมทั้งเคยกดดันให้รัฐบาลอิสลามิสต์ของนายกรัฐมนตรี เน็กเม็ตติน แอร์บากัน ลาออกเมื่อปี 2540 ทั้งนี้ แอร์บากันเป็นผู้ปลุกปั้นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน
ยังมีผู้ต้องสงสัยอีกหลายร้อยคน ซึ่งมีทั้งนายทหาร, สื่อมวลชน และสมาชิกสภา กำลังถูกไต่สวนในอีกคดีหนึ่ง ในข้อหามีส่วนร่วมในแผนยึดอำนาจดังกล่าว
Source : AFP