ทำไมแมวไม่ยอมอึในกระบะทราย ทำไมแมวไม่นอนตรงนี้ ทำไมแมวไม่…
หลากหลายคำถามว่า “ทำไม”เกี่ยวกับพฤติกรรมของแมวที่ทำเอาพ่อแมวแม่แมวหลายบ้านปวดหัว จริงๆแล้วเรื่องแบบนี้ไม่ได้มีคำตอบตายตัว แต่หลักการที่สำคัญที่สุดคือการสังเกตพฤติกรรมของลูกๆ ของเรา ที่หลายครั้งก็มีปัจจัยมาจากเรื่องฮวงจุ้ยด้วยนะเอ้อ
บ๊อบ: แมวเป็นสัตว์ที่รักความเป็นส่วนตัว อันนี้จะว่าไปก็ไม่ผิดเลยล่ะ ด้วยธรรมชาติที่มันเป็นสัตว์รักสันโดษอยู่แล้ว แต่สำหรับเรื่องกระบะทรายและการขับถ่าย อันนี้เจอมากับตัว ตอนที่กำลังตักกระบะทรายเคลียร์อุนจิอยู่ ยังไม่ทันจะตักเสร็จดีเลย ปูตินก็เดินเข้ามานั่งอึระยะเผาขน ไม่อึธรรมดา อึไปมองหน้าเราไปด้วย ไหนใครบอกว่าต้องการความเป็นส่วนตัวฟะ!
พิ้ง: อันนี้เป็นเรื่องที่คนชอบคิดไปเองว่าแมวมีนิสัยรักความเป็นส่วนตัวขนาดนี้ มันคงไม่อยากให้เราเห็นตอนมันกำลังขับถ่ายแน่เบย ด้วยความหวังดี เราจึงหาส้วมแมวแบบปิดมาให้มันใช้ ไม่ต่างจากคนเราที่เวลาเข้าห้องน้ำก็จะต้องปิดประตูเพื่อทำธุระให้เรียบร้อย
แต่จากปากคำ Jackson Galaxy ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมแมว ทำให้เราพบว่าส้วมแมวแบบปิดนั้น ทำมาเพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ที่ไม่ต้องการเห็นและได้กลิ่นปฏิกูลของแมวมากกว่า เพราะความมิดชิดไม่ได้สำคัญสำหรับแมวเลย ในความเป็นจริง แมวชอบเข้าห้องน้ำที่สะอาด เข้าถึงง่าย บางบ้านอาจมีปัญหาเรื่องแมวไม่ยอมใช้ห้องน้ำ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเราเอาห้องน้ำลูกไปตั้งไว้ในจุดที่เร้นลับเกินไป เข้าถึงได้ยาก จนเกิดปัญหาแมวขับถ่ายไม่เป็นที่ตามมา
นอกจากนี้ ข้อเสียของส้วมแมวแบบปิดอีกประการก็คือ เมื่อเราไม่เห็นของเสียที่อยู่ภายใน ก็มีโอกาสสูงที่เราจะลืมเคลียร์อุนจิ ประกอบกับอากาศที่ไม่ถ่ายเทในส้วมแบบปิด ก็อาจทำให้ส้วมลูกไม่สะอาด อบอวลไปด้วยกลิ่นมาดามหอมชื่นใจ ทีนี้ต่อให้ตั้งห้องน้ำไว้กลางบ้าน แต่ไม่สะอาด มันก็ไม่อยากใช้อยู่ดี
บ๊อบ: อ่าฮะ แมวรักความเป็นส่วนตัว อันนี้ถูก แต่ส้วมแมวแบบมิดชิด หรือตั้งอยู่ในที่ลึกลับ อันนี้ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้แมวไม่ยอมใช้กระบะทรายที่เตรียมไว้ ลองย้อนไปถึงวันแรกที่ปูตินย้ายมาอยู่กับเรา ปูตินก็ไม่ได้เกิดมาใช้กระบะทรายเป็นเลย แต่วิธีฝึกมันง่ายมาก แทบไม่ต้องเรียกว่าฝึกด้วยซ้ำ เพราะปกติแมวจะขับถ่ายเป็นที่เป็นทางอยู่แล้ว แค่เราหาวิธีบอกมันให้เข้าใจเท่านั้นเอง
สำหรับปูติน วันแรกที่มันมาอยู่ด้วยแล้วอึลงพื้น สิ่งที่มันทำคือการพยายามตะกุยพื้นแข็งๆ เพื่อพยายามกลบ แหงล่ะ มันจะไปกลบอะไรได้ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือ แมวมันมีความต้องการที่จะกลบปกปิดสิ่งปฏิกูลของมันอยู่แล้ว เหมือนเป็นโปรแกรมที่ติดตั้งมาเรียบร้อยใน DNA สิ่งที่เราทำก็คือ ตักอุนจิของมันไปใส่กระบะทรายแล้วพามันมาดู เท่านั้นมันก็ใช้ทรายกลบของมันเอง แค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ปูตินก็ใช้กระบะทรายเป็นและไม่เคยขับถ่ายเรี่ยราดอีกเลย
พิ้ง: หลักฮวงจุ้ยห้องน้ำแมว ไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก เน้นเข้าถึงง่ายและสะอาด หมั่นตักขี้ กลับทรายบ้าง เอากระบะไปผึงแดดบ้าง เปลี่ยนทรายและล้างส้วมให้เมื่อถึงเวลา ยังไงมันก็ใช้แน่ๆ
ทีนี้เรามีเพื่อนที่เริ่มเลี้ยงแมวมาถามไถ่กันบ่อยๆ ว่า เเล้วจะจัดพื้นที่ให้แมวยังไงถึงเหมาะสม อันนี้สำหรับบ้านที่มีพื้นที่หน่อย เค้าก็อาจจัดห้องแมวไว้ต่างหาก แต่สำหรับคนที่อาศัยคอนโดหรือมีพื้นที่จำกัดจะทำยังไง
บ๊อบ: เอาแบบเบสิคที่สุด คืออย่าคิดให้มันซับซ้อนเกินไป ดูจากพื้นที่อยู่อาศัยของเราเองนี่แหละ ห้องน้ำ โต๊ะกินข้าว ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน อะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ถ้ามันเป็นพื้นที่ที่ถูกจัดมาอย่างเหมาะสมกับเรา เราก็จัดให้มันเหมาะสมกับแมวไปด้วยกันเลย
อย่างของบ้านเรา กระบะทรายอยู่ข้างประตูห้องน้ำ ชามอาหารอยู่บริเวณโต๊ะกินข้าว เปลแมวคอนโดแมวอยู่ตรงห้องนั่งเล่น ที่นอนแมวไว้ข้างๆ ตู้เสื้อผ้าในห้องนอน ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาก็สบายเลย เพราะพื้นที่แบ่งสัดส่วนตรงกันหมด ส่วนที่เหลืออันนี้ก็แล้วแต่แมวแล้วล่ะว่ามันจะอยากใช้พื้นที่ไหนตอนไหน เพราะในหัวแมว มันคือเจ้าของ
ที่ขาดไม่ได้อีกอย่างก็คือที่ฝนเล็บแมว ควรมีไว้หลายๆ จุด เพราะมันต้องการสร้างเครื่องหมายแสดงอาณาเขตอยู่แล้ว ถ้ามันอยากฝนเล็บกับโซฟาหรือเก้าอี้หวาย เราห้ามมันได้แต่ควรหาที่ฝนเล็บที่เป็นกิจจะลักษณะมาวางข้างๆ โซฟาหรือที่ที่มันอยากฝนเลย ห้ามอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีของสนองความต้องการของมันมาแทนด้วย มันจะได้ไม่เครียด
พิ้ง: แมวมันคิดว่ามันเป็นเจ้าของบ้านจริงๆ เวลาเราจะทำอะไรมันจะต้องมาตรวจตราให้รู้ความเป็นไปทุกอย่างของบ้าน ทุกวันนี้เวลาไปจ่ายตลาดกลับมา ก็ต้องเอาของที่ซื้อมาให้มันดูก่อนว่ามีอะไรบ้าง ถ้าเราไม่เอามาสำแดง มันก็จะมุดถุงเข้าไปดูเอง
ด้วยทัศนะที่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านและผู้ตรวจการเช่นนี้ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่มันจะอยากสำรวจตรวจตราทุกซอกทุกมุมของบ้าน แต่ผู้อยู่อาศัยอย่างเราๆ ก็มีบางมุมเช่นกันที่ไม่อยากให้เจ้าของบ้านเข้าไปยุ่ง อาทิ หลังทีวีที่มีสายไฟมากมาย ชั้นวางของกระจุกกระจิก หรือ บริเวณที่เก็บสารเคมีและอุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ ดังนั้น มันจึงต้องมีวิธีกันพื้นที่บางส่วนไม่ให้แมวเข้าไปยุ่งด้วย
บ๊อบ: ตอนแรกก็เป็นปัญหาของบ้านเรามากๆ เพราะประสบการณ์เลี้ยงแมวของพี่ที่ผ่านมา ไม่ได้เลี้ยงระบบปิด เลยไม่ค่อยมีปัญหาพวกนี้ เพราะมันสามารถเอาพลังงานเหลือเฟือของมันไปปล่อยที่อื่นได้ ห้ามตรงนี้ ไม่ยุ่งก็ได้ ไม่เดือดร้อน แต่กับแมวที่เลี้ยงระบบปิด มันไม่มีที่ให้มันเหมือนโลกนอกบ้าน จะมาห้าม ดุ เสียงดังใส่อย่างเดียว ไม่ค่อยได้ผลเท่าไร มันจะหนีตอนที่เราดุ แต่มันจะแอบกลับมาเพื่อความฟินของมันเอง ตอนแรกก็คิดไม่ตกว่าจะเอาไงดี เลยไปซื้อแผงหนามพลาสติกที่เขาโฆษณาว่าเอาไว้กันแมวมาวาง เท่านั้นแหละ เรียบร้อยเลย
พิ้ง: มันไม่ยุ่งเลย ได้ผลชะงัก??
บ๊อบ: เป็นของเล่นที่มันชอบมาก! เอาหนามพลาสติกมาปล้ำเล่น เพลินเลย ฉิบหายแล้วลูกฉัน
พิ้ง: ขอบอกว่าสินค้าทุกอย่างที่บอกว่ามีสรรพคุณกันแมวได้นี่เราใช้มาหมดเเล้ว ไม่ได้ผลสักตัว อย่างเม็ดไล่แมวซึ่งเป็นกลิ่นที่แมวไม่ชอบ เราก็เคยซื้อมา อันนั้นอย่าว่าแต่แมวเลย คนยังทนกลิ่นไม่ได้ เหม็นบรรลัยทิ้งไปทั้งซอง แต่เพื่อนที่เคยซื้อมาใช้ก็เคยบอกนะ ว่าแรกๆ มันก็ไม่ยุ่งด้วย แต่สักพักพอคุ้นกัน มันก็เอามาเขี่ยเล่นอย่างสนุกสนาน
บ๊อบ: สุดท้ายก็มาดวงตาเห็นธรรม ของที่บ้านเราใช้แล้วได้ผลที่สุดคือ มะกรูดฝาน หรือไม่ก็เปลือกส้มเปลือกมะนาว พืชประเภทซิตรัสทั้งหลายนี่แหละ เอาไปวางไว้ตามจุดที่เราไม่ต้องการให้มันยุ่ง พอมันเดินๆ ไปเจอ มันก็จะเผ่นเองเพราะมันเกลียดกลิ่นฉุนของพืชประเภทนี้ แล้วก็ไม่รบกวนจมูกเจ้าของด้วย
แถมนอกจากจะเอาไปวางในจุดที่ไม่ต้องการให้แมวไปยุ่ง ยังเอามาเตรียมไว้ใช้ดัดนิสัยแมวด้วย อย่างพวกสายไฟในบ้านที่แมวอายุน้อยๆ ชอบแทะเล่น บ้านเราก็ใช้วิธียื่นมะกรูดฝานใส่มันแล้วส่งเสียงจุ๊ๆ ทำซ้ำเท่าที่มันแทะ จนมันจำเสียงจุ๊ๆ ของเราได้ว่าเสียงนี้จะมาพร้อมกับมะกรูดที่น่ารังเกียจ พอมันจำได้คราวนี้ก็ไม่ต้องใช้แล้ว แค่จุ๊ๆ มันก็เผ่น
พิ้ง: สรุปแล้ว หากถามว่าจัดฮวงจุ้ยแมวยังไงให้เหมาะสม เราบอกได้เลยว่ามันไม่ได้มีหลักการตายตัว เพียงแต่ต้องคำนึงถึงนิสัย พฤติกรรม และสนองความต้องการของแมวให้ครบถ้วน ในขณะที่ไม่ขัดต่อการใช้ชีวิตของคนที่อยู่ร่วมกัน จุดสำคัญคือการบาลานซ์การใช้ชีวิตร่วมกันของทั้งคนและแมวนี่แหละ
บ๊อบ: อีกสิ่งที่ลืมไปไม่ได้เลย คือนอกจากเรื่องพื้นที่ของแมวและคนเลี้ยง เราต้องคิดถึงคนอื่นด้วย ถ้าการเลี้ยงของเรามันไปรบกวนคนอื่น สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้คนอื่น เช่น ส่งเสียงดัง ไปอึฉี่ ทำข้าวของคนอื่นเสียหาย เจ้าของต้องเป็นคนรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นเมื่อดูแลจัดการฮวงจุ้ยให้แมวในบ้านของตัวเองจนสมบูรณ์แล้ว หากเราคิดถึงสิทธิและสวัสดิภาพของผู้อื่นด้วยนี่จะถือว่าประเสริฐเลยล่ะ
พิ้ง: ส่วนลูกเรานี่ไม่เคยต้องเป็นห่วงเรื่องทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านเลยแม้แต่น้อย
บ๊อบ: เพราะลูกเราเรียบร้อยน่ารัก เชื่อฟังพ่อแม่ ไม่ดื้อไม่ซน??
พิ้ง: เปล่า เพราะเราไม่เคยปล่อยมันออกจากบ้านอะ ผ่าง!!