ไม่พบผลการค้นหา
สื่ออังกฤษตั้งฉายาเกาะเต่าเป็นเกาะแห่งความตายและเป็นพื้นที่สีเทา หลังพบศพนักท่องเที่ยวหญิงชาวเบลเยียมอีกรายเมื่อเดือน เม.ย. ขณะที่ตำรวจไทยยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจและทำงานสืบสวนอย่างต่อเนื่อง

สื่ออังกฤษตั้งฉายาเกาะเต่าเป็นเกาะแห่งความตายและเป็นพื้นที่สีเทา หลังพบศพนักท่องเที่ยวหญิงชาวเบลเยียมอีกรายเมื่อเดือน เม.ย. ขณะที่ตำรวจไทยยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจและทำงานสืบสวนอย่างต่อเนื่อง

เดอะมิร์เรอร์ สื่อแทบลอยด์ของอังกฤษ รายงานข่าวการเสียชีวิตของนางสาวเอลิส ดัลเลอมานจ์ ชาวเบลเยียม วัย 28 ปี ที่ถูกพบเป็นศพบริเวณป่าในอ่าวโตนดบนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็นการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของชาวต่างชาติรายที่ 7 ที่เกี่ยวกับเกาะเต่า โดยตำรวจไทยแจ้งว่าสาเหตุการเสียชีวิตเป็นการแขวนคอตาย แต่นางมิเชล ฟาน เอ็กเตน แม่ของ น.ส.ดัลเลอมานจ์ ไม่เชื่อว่าลูกสาวของตนฆ่าตัวตาย และร้องเรียนผ่านสื่อว่าอาจมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น

นางฟาน เอ็กเตน ระบุว่าลูกสาวของตนใช้เวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมาในการเดินทางไปยังหลายประเทศแถบเอเชีย และเป็นสมาชิกของลัทธิสัตยา ไสบาบา ซึ่งมีการฝึกสมาธิและโยคะอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งได้พูดคุยกันผ่านโปรแกรมสไกป์เมื่อวันที่ 17 เมษายน น.ส.ดัลเลอมานจ์ได้รับปากว่าจะเดินทางกลับบ้านภายในสิ้นเดือน เม.ย. จนกระทั่งมีผู้พบศพหญิงสาวบนเกาะเต่าเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา

สื่ออังกฤษรายงานอ้างอิงข้อมูลจากนิตยสาร Der Farang และ เว็บไซต์ Samuitimes สื่อภาษาต่างประเทศที่รายงานข่าวเกี่ยวกับประเทศไทย โดยระบุว่าตำรวจพบร่างของ น.ส.ดัลเลอมานจ์ในป่าบริเวณอ่าวโตนดบนเกาะเต่า และสภาพศพถูกสัตว์เลื้อยคลานกัดแทะบางส่วน และตำรวจได้ส่งศพไปชันสูตรและเผาฌาปนกิจที่กรุงเทพฯ จากนั้นแม่ของ น.ส.ดัลเลอมานจ์ได้นำเถ้ากระดูกของลูกสาวกลับประเทศ แต่ไม่ได้รับการติดต่อจากตำรวจไทยเพื่อแจ้งผลการชันสูตรศพอย่างเป็นทางการ ทำให้เกรงว่าจะไม่ได้รับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

(รัฐบาลไทยอนุมัติงบประมาณติดตั้งกล้องวงจรปิดที่เกาะเต่าตั้งแต่ปี 2557 หลังเกิดเหตุกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ)

ส่วนรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีนี้พบว่า น.ส.ดัลเลอร์มานจ์เดินทางไปมาระหว่างเกาะพะงันและประเทศอื่นๆ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และหลังจากพูดคุยกับครอบครัวก็ได้ซื้อตั๋วเรือเฟอร์รี่จากเกาะพะงันไปยังปลายทางที่ท่าเรือ จ.ชุมพร ในวันที่ 19 เมษายน แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด น.ส.ดัลเลอมานจ์จึงแวะลงที่เกาะเต่าในวันเดียวกันนั้น โดยนำสัมภาระเพียงบางส่วนไปด้วย คือ เป้สะพายหลังและโทรศัพท์มือถือ จากนั้นจึงเข้าพักที่บังกะโลว์ชื่อ Triple B ไม่ไกลจากท่าเรือแม่หาด แต่ที่พักที่จองกลับถูกไฟไหม้ จึงย้ายไปพักที่รีสอร์ท Poseidon บริเวณอ่าวโตนด ซึ่งอยู่ห่างจากที่พักแห่งแรกราว 2.5 กิโลเมตร และเธอได้จองตั๋วเดินทางไปยังกรุงเทพฯ โดยระบุวันเดินทางเป็นวันที่ 24 เม.ย. แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครทราบความเคลื่อนไหวใดๆ อีก จนกระทั่งถูกพบศพ

เดอะมิร์เรอร์รายงานว่าการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ น.ส.ดัลเลอมานจ์ ทำให้เกาะเต่าถูกมองว่าเป็นเกาะแห่งความตาย เนื่องจากมีชาวต่างชาติเสียชีวิตบนเกาะเต่าแล้ว 7 รายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงกรณีของนายเดวิด มิลเลอร์ และนางสาวฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษซึ่งถูกฆาตกรรมที่เกาะเต่าเมื่อเดือนกันยายน 2557 ซึ่งแม้ว่าตำรวจจะจับกุมผู้ก่อเหตุชาวเมียนมาได้ 2 ราย แต่ญาติของ น.ส.วิทเธอริดจ์บางรายเชื่อว่าผู้ก่อเหตุอาจมีมากกว่านี้ และอาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลซึ่งอยู่นอกกฎหมายบนเกาะเต่า

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.โชคชัย สุทธิเมฆ สารวัตรใหญ่ สภ.เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระบุว่าหลังจากเจ้าหน้าที่พบศพ น.ส.ดัลเลอมานจ์ ได้มีการติดต่อกับแม่ของผู้ตาย และได้เก็บดีเอ็นเอตัวอย่างเพื่อพิสูจน์ทราบว่าตรงกันกับผู้เสียชีวิตจริงหรือไม่ โดยได้รับความช่วยเหลือจากทางสถานทูตเบลเยียม ซึ่งในตอนนั้นแม่ของผู้ตายและเจ้าหน้าที่สถานทูตไม่ได้มีการติดใจอะไร ทางสถานทูตยังดำเนินการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการส่งศพจากสุราษฎร์ธานีไปสถาบันนิติเวชของโรงพยาบาลตำรวจในกรุงเทพฯ และรับทราบขั้นตอนต่างๆ มาโดยตลอด จึงขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะที่เกาะเต่าเกิดเหตุอะไรคนก็จะให้ความสนใจอยู่แล้ว 

ก่อนหน้านี้ นิตยสารไทม์ของสหรัฐฯ ได้สัมภาษณ์นายรีส บอนนี ผู้ให้คำปรึกษาแก่ผู้อพยพชาวต่างชาติในประเทศไทย ซึ่งระบุว่าเกาะเต่าเป็นพื้นที่สีเทาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย และชาวต่างชาติรายหนึ่งซึ่งเคยทำงานในสถานบันเทิงบนเกาะเต่าระบุด้วยว่า ถ้าจะอยู่ที่เกาะเต่าก็ต้องหลับตาข้างเดียวเมื่อพบเห็นอะไรผิดปกติ เพราะถ้าแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ก็อาจจะถูกซักถาม และส่งผลต่อการอยู่บนเกาะเต่าได้ เพราะหลายคนมีปัญหาเรื่องการอยู่เกินกำหนดวีซ่า

ส่วนกรณีชาวต่างชาติรายอื่นๆ เสียชีวิตโดยเกี่ยวข้องกับเกาะเต่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ คดีนายเดวิด มิลเลอร์ และ น.ส.ฮันนาห์ วิทเธอริดจ์ ซึ่งถูกฆาตกรรมเมื่อเดือนกันยายน 2557 ตามด้วยนายซูเตอร์ ฮานส์ปีเตอร์ ชาวสวิส หายตัวไปจากเกาะเต่าเมื่อพฤศจิกายน 2557 และภายหลังสืบทราบว่าจมน้ำและถูกคลื่นซัดไปเกยหาดที่ จ.ชุมพร, น.ส.คริสตินา อันส์ลีย์ ชาวอังกฤษ วัย 23 ปี เสียชีวิตในห้องพักแห่งหนึ่งที่หาดทรายรีบนเกาะเต่าเมือวันที่ 21 มกราคม 2558, นายลูค มิลเลอร์ ชาวอังกฤษ ถูกพบเป็นศพในสระน้ำของโรงแรมแห่งหนึ่งบนเกาะเต่าในเดือนมกราคม 2559 และนางสาววาเลนตินา โนวอเชินโนวา ชาวรัสเซียซึ่งมาดำน้ำที่เกาะเต่าและหายตัวไปตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
181Article
60261Video
0Blog