สหประชาชาติเปิดเผยว่าภายในปี 2050 จำนวนประชากรโลกจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 2,300 คน โดยกว่าครึ่งในจำนวนนี้เป็นประชากรจากทวีปแอฟริกา ขณะที่ไนจีเรียจะแซงหน้าสหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของโลก
สหประชาชาติเปิดเผยรายงานภาพรวมประชากรโลกประจำปี 2017 ซึ่งระบุว่าภายในปี 2050 ไนจีเรียซึ่งปัจจุบันมีประชากรมากเป็นอันดับ 7 ของโลก จะแซงหน้าสหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีประชากรมากกว่า 300 ล้านคน
ในปัจจุบันไนจีเรียมีประชากรมากกว่า 180 ล้านคน และอัตราการเพิ่มจำนวนของประชากรระหว่างปี 2010-2015 อยู่ที่ร้อยละ 2.7 ต่อปี เนื่องจากชาวไนจีเรียนิยมการมีลูกมาก อย่างไรก็ตาม สหประชาชาติยังระบุด้วยว่าการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนประชากรใน ไนจีเรียจะส่งผลให้โครงสร้างพื้นฐานของประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการของ ประชาชน
รายงานของสหประชาชาติยังระบุด้วยว่า ในปี 2050 จำนวนประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 9,800 ล้านคน จาก 7,500 ล้านคนในปัจจุบัน ซึ่งกว่าครึ่งของประชากรที่เพิ่มขึ้น มาจากทวีปแอฟริกา
นอกจาก ไนจีเรียแล้ว หลายประเทศในทวีปแอฟริกายังประสบปัญหาประชากรล้นเมือง เช่น สาธารณรัฐคองโก ซึ่งปัจจุบันอัตราการเพิ่มจำนวนประชากรอยู่ที่ร้อยละ 3.2 ต่อปี และโดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิง 1 คน จะมีบุตร 4.5 คน ยูกันดา มีอัตราการเพิ่มจำนวนประชากรอยู่ที่ร้อยละ 3.3 ต่อปีและเฉลี่ยผู้หญิง 1 คนจะมีลูก 5.8 คน ซึ่งคาดว่าภายในปี 2040 กรุงกัมปาลา เมืองหลวงของประเทศจะมีประชากรเพิ่มจาก 6 ล้านคนในปัจจุบันเป็น 20 ล้านคน และแทนซาเนีย ซึ่งอัตราการเพิ่มจำนวนประชากรอยู่ที่ร้อยละ 3.2 ต่อปี และคาดว่าภายในปี 2025 เมืองดาร์เอสซาลาม ซึ่งเป็นเมืองหลักของประเทศจะขยายตัวถึงร้อยละ 85
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: