จาตุรนต์ ฉายแสง
27กุมภาพันธ์ 2554
ในระยะหลังนี้ ดูเหมือนคุณอภิสิทธิ์จะอยู่ในสภาพโรคซ้ำกรรมซัด ต้องพบกับปัญหาใหญ่ๆที่ตนเองจัดการอะไรไม่ได้ และไม่สามารถใช้ความสามารถในการพูดเอาตัวรอดไปได้ง่ายๆเหมือนระยะก่อนๆ
คุณอภิสิทธิ์ถูกพันธมิตรโจมตีอย่างสาดเสียเทเสีย และในหลายเรื่องก็เป็นเรื่องที่แก้ตัวไม่ได้เสียด้วย ขณะเดียวกันก็เดินแนวทางที่ผิดพลาด ในกรณีความขัดแย้งกับกัมพูชาที่มีแต่จะนำไปสู่ความล้มเหลวเสียหายมากยิ่งขึ้นทุกที ส่วนปัญหาน้ำมันปาล์มที่ทำให้คนเดือดร้อนกันไปทั่วประเทศและใครที่ติดตามเรื่องพอสมควรก็คงจะรู้ว่าผลประโยชน์มหาศาล ตกอยู่กับคนของพรรคประชาธิปัตย์เสียเป็นส่วนใหญ่นั้น คุณอภิสิทธิ์ก็กลับทำอะไรไม่ได้หรืออาจจะต้องใช้คำพูดว่าไม่คิดทำอะไรเลย
เรื่องเหล่านี้รวมทั้ง กรณีทุจริตหรือความล้มเหลวในการบริหารของคุณอภิสิทธิ์อีกจำนวนมาก ประชาชนทั่วประเทศ คงจะรอฟังการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้อย่างใจจดใจจ่อ มากกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลปัจจุบันในครั้งก่อนๆ และน่าจะพอคาดการณ์ได้ว่า ถ้าฝ่ายค้านเตรียมการได้ดีพอสมควร คุณอภิสิทธิ์และรัฐบาลนี้คงอยู่ในสภาพย่ำแย่เต็มทีแน่ๆ
มีเรื่องหนึ่งที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ของคุณอภิสิทธิ์ และว่าไปแล้วก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศไทยเราเสียมากกว่า ที่ควรจะนำมาพูดกันให้เกิดความชัดเจนไปเสียโดยไม่ต้องรอจนถึงวันที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้ใจก็คือ เรื่องที่คุณอภิสิทธิ์มี 2สัญชาติ
เรื่องนี้เริ่มมาจากมีคนนำเรื่องกรณีการสังหารประชาชนเมื่อเดือนเมษา-พฤษภา ปีที่แล้ว ไปฟ้องศาลคดีอาญาระหว่างประเทศ ซึ่งหลายคนเชื่อว่าศาลคงไม่รับฟ้อง เพราะรัฐบาลไทยไม่ได้ลงสัตยาบันรับรองอำนาจของศาล แต่ต่อมาก็มีการอธิบายว่าสามารถฟ้องคุณอภิสิทธิ์ได้เนื่องจากคุณอภิสิทธิ์ถือสัญชาติอังกฤษด้วย
เมื่อมีการไปถามคุณอภิสิทธิ์ในตอนแรกๆ คุณอภิสิทธิ์ตอบบ่ายเบี่ยงว่าเลือกที่เกิดไม่ได้ และในระหว่างที่อยู่ในประเทศอังกฤษ ไม่เคยใช้สิทธิของพลเมืองอังกฤษ เช่น เวลาเรียนหนังสือก็จ่ายค่าเล่าเรียนอย่างชาวต่างประเทศ แต่ไม่บอกว่ายังมีสัญชาติอังกฤษหรือไม่
ต่อมามีการยกประเด็นขึ้นว่า เนื่องจากคุณอภิสิทธิ์เกิดในประเทศอังกฤษ คุณอภิสิทธ์จึงได้สัญชาติโดยอัตโนมัติตามกฎหมายอังกฤษ และตราบใดที่คุณอภิสิทธ์ยังไม่สละสัญชาติอังกฤษ คุณอภิสิทธิ์ก็ยังคงมีสัญชาติอังกฤษด้วยซึ่งก็คือมี 2สัญชาตินั่นเอง
คุณอภิสิทธิ์บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบเรื่องนี้ให้กระจ่างอยู่นาน จนกระทั่งถูกจี้ถามในสภาฯ ซึ่งตอนแรกๆ ก็ยังใช้สำนวนโวหารบ่ายเบี่ยงประเด็นตามที่ถนัด เช่น "อยากถามท่านว่าเป็นคนแจ้งเกิดตัวเองหรือไม่" แต่ในที่สุดก็ยอมรับว่า ไม่เคยทำเรื่องสละสัญชาติอังกฤษ ด้วยเหตุเพราะตนเข้าใจว่าถ้าเป็นกฎหมายที่ขัดกัน ก็ให้ถือกฎหมายไทยเป็นหลัก และตนได้แสดงเจตนามาตลอดว่าใช้สัญชาติไทย
คุณอภิสิทธิ์บอกว่าจะให้สละสัญชาติอังกฤษ สละได้ แต่ถ้าสละตอนนี้ก็อาจถูกหาว่ากลัวจะไปขึ้นศาลโลก คุณอภิสิทธิ์ ยังอธิบายต่อไปว่าไม่เคยคิดจะไปหาผลประโยชน์ในประเทศอื่น ที่ทำอยู่คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของประเทศไทย และยังบอกด้วยว่าจะให้สละให้เหลือสัญชาติไทยสัญชาติเดียวก็ได้ แต่ถามว่าให้ปฏิบัติอย่างเสมอกันทุกคนเอาไหม
ฟังคุณอภิสิทธิ์อธิบายมาถึงตรงนี้ ผมคิดว่าคุณอภิสิทธิ์เสียศูนย์และผิดพลาดครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งแล้ว ผิดพลาดอย่างไม่น่าเชื่อ จะเป็นเพราะกำลังมีเรื่องหนักๆ ประเดประดังเข้ามา หรือว่าถนัดแต่การใช้โวหารแบบฉาบฉวยเป็นคราวๆไป พอมาเจอเรื่องยากจริงๆเข้าก็เลยหาคำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผลไม่ได้หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ
ผมไม่ได้ต้องการวิเคราะห์ เรื่องคุณอภิสิทธิ์จะถูกดำเนินคดีในศาลคดีอาญาระหว่างประเทศหรือไม่ และก็ไม่ได้สนใจว่าคุณอภิสิทธิ์ควรสละสัญชาติอังกฤษหรือไม่ แต่ผมกำลังสนใจกลับเป็นประเด็นว่าเมื่อคุณอภิสิทธิ์เองก็ยอมรับแล้วว่าตนมี 2สัญชาติ และยังยอมรับด้วยว่าจะสละสัญชาติอังกฤษก็ได้แต่ต้องมีเงื่อนไขอย่างนั้นอย่างนี้อย่างที่คุณอภิสิทธิ์ชี้แจงไปนั้น คุณอภิสิทธิ์ยังควรเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยอยู่ต่อไปอีกหรือไม่ หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องยิ่งกว่านั้นก็คือคุณอภิสิทธิ์ควรเป็นนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่ต้นหรือไม่
เข้าใจว่ามีประชาชนไทยจำนวนหนึ่งที่มี 2สัญชาติอยู่เหมือนกัน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่โตอะไร การจะไปไล่หาทางบังคับให้คนเหล่านั้น สละสัญชาติให้เหลือสัญชาติไทยอย่างเดียวบางทีอาจจะเป็นปัญหากับบ้านเมืองและทำให้ประชาชนเหล่านั้นเดือดร้อนกันเสียเปล่าๆ
แต่คุณอภิสิทธิ์ไม่ใช่ประชาชนทั่วไป แต่เป็นนายกรัฐมนตรี จะอ้างว่าที่คนอื่นถือสัญชาติ 2สัญชาติได้ ทำไมจะมาให้ตนสละสัญชาติอยู่คนเดียว คงจะอ้างไม่ได้ ส่วนที่บอกว่าไม่ได้เคยคิดหรือทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ของประเทศอื่นนั้น ก็ไม่ใช่ประเด็นและไม่มีใครกล่าวหาคุณอภิสิทธิ์ในเรื่องนี้ อย่างน้อยก็ในตอนนี้
ประเด็นอยู่ที่ว่าคนจะเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ต้องมีความรับผิดเท่ากับคนไทยทั่วไป ไม่ใช่มีอภิสิทธิ์หรือมีภูมิคุ้มกันมากกว่าคนอื่นๆ มิฉะนั้นเวลาที่ทำหน้าที่นายกฯ ก็อาจจะคิดหรือทำอะไรให้เกิดความเสียหายแก่ประชานหรือแก่บ้านเมืองได้ เนื่องจากในใจอาจคิดว่าตนเองมีภูมิต้านทานมากกว่าคนไทยทั่วไปก็ได้
การที่คุณอภิสิทธิ์ บอกว่าจะสละสัญชาติอังกฤษก็ได้ แต่ไม่สละนั้นมีความหมายว่า ไม่ว่าที่ผ่านมาคุณอภิสิทธิ์ จะเคยใช้สิทธิของการมีสัญชาติอังกฤษหรือไม่ก็ตาม แต่วันหนึ่งข้างหน้าคุณอภิสิทธิ์อาจจะใช้สิทธิของการมีสัญชาติอังกฤษก็ได้ เช่นถ้าในอนาคตจะมีการดำเนินคดีกับคุณอภิสิทธิ์ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดกับรัฐมนตรีในรัฐบาลของตนทุจิตประพฤติมิชอบ หรือสั่งการให้สังหารประชาชนจำนวนมากเป็นต้น แล้วคุณอภิสิทธิ์เกิดเดินทางไปอยู่เสียที่ประเทศอังกฤษ แล้วก็ขอใช้สิทธิในฐานะที่มีสัญชาติอังกฤษ คุณอภิสิทธิ์ก็ย่อมจะได้รับการคุ้มครองอย่างพลเมืองอังกฤษขึ้นมาทันที เมื่อถึงตอนนั้น ข้อตกลงว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดนจะใช้ได้กับคุณอภิสิทธิ์ผู้ถือสัญชาติอังกฤษหรือไม่ ถ้ารัฐบาลไทยหรือประชาชนไทย จะไปร้องต่อศาลอังกฤษเพื่อให้ส่งตัวคุณอภิสิทธิ์มาขึ้นศาลไทยจะทำได้หรือไม่และต้องรออีกเป็นสิบๆปีหรือไม่
กลายเป็นว่าคุณอภิสิทธิ์ จะต้องไปขึ้นศาลคดีอาญาระหว่างประเทศหรือไม่ ก็น่าสนใจ แต่ตอนนี้กลับมีประเด็นที่น่าเป็นห่วงไม่น้อยเหมือนกัน ก็คือถึงเวลาที่มีใครจะดำเนินคดีคุณอภิสิทธิ์ในประเทศไทย คุณอภิสิทธิ์อาจจะไม่ต้องขึ้นศาลไทยก็ได้
คุณอภิสิทธิ์อาจจะได้รับการคุ้มครองมากกว่าที่ยกมานี้อีกก็ได้ รายละเอียดคงต้องให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยกันศึกษาดู แต่ก็คงไม่ใช่ประเด็นสำคัญในเฉพาะหน้านี้
ประเด็นสำคัญก็คือ เชื่อได้แน่ว่าตลอดเวลาที่คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ มาจนถึงปัจจุบันรวมถึงในอนาคตข้างหน้า ไม่ว่าจะยังเป็นนายกฯอยู่หรือไม่ก็ตาม คุณอภิสิทธิ์มีภูมิคุ้มกันต่อกฎหมายไทยมากว่าคนอื่นๆ
ผมอธิบายมาถึงตรงนี้ อาจมีบางท่านแย้งว่าถึงแม้จะเป็นเหตุเป็นผล แต่ก็คงไม่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติได้ง่ายๆหรอก
กรณีทำนองนี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดมาก่อน เมื่อไม่นานมานี้ มีกรณีของประเทศเปรูเป็นตัวอย่าง ประธานาธิบดีของเปรูชื่อนายอัลเบอร์โต ฟูจิมูริ ก็เป็นคนสองสัญชาติ คือสัญชาติเปรูและสัญชาติญี่ปุ่น นายฟูจิมูริถูกรัฐบาลเปรูในเวลาต่อมาดำเนินคดีทั้งเรื่องทุจริตและเรืองการใช้อำนาจโดยมิชอบเป็นข้อหาร้ายแรง มีอยู่ช่วงหนึ่งนายฟูจิมูริได้หนีไปอยู่ในประเทศญี่ปุ่น และในระหว่างนั้นก็ได้รับการคุ้มครองในฐานะเป็นคนญี่ปุ่น จนรัฐบาลเปรูทำอะไรไม่ได้ ต้องรอจนกระทั่งนายฟูจิมูริ ไปวางแผนยึดอำนาจคืนอยู่ที่ชิลี จึงถูกจับในชิลีและถูกส่งตัวไปดำเนินคดีในเปรู
นายฟูจิมูริกับรัฐบาลเปรูใครผิดใครถูกอย่างไรผมไม่ขอวิจารณ์ แต่เห็นว่ากรณีนี้เป็นตัวอย่างได้อย่างดีว่าการที่นายกรัฐมนตรีของไทย มีสองสัญชาตินั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นแน่ด้วยเหตุผลดังที่ได้กล่าวมาแล้ว
มีคนไปถามกกต.ซึ่งเข้าใจว่ายังไม่ทันหาข้อมูลให้ชัดเจนและยังไม่ได้ประชุมหารือกันก็ด่วนออกมาชี้แจงเสียแล้วว่าการที่คุณอภิสิทธ์มีสองสัญชาติไม่ทำให้ขาดคุณสมบัติเพราะมีคุณสมบัติครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ
เรื่องการมีสองสัญชาตินี้ รัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุไว้ แต่โดยสามัญสำนึกก็น่าจะเข้าใจได้ไม่ยากว่าระบบกฎหมายของไทยเราไม่น่ายินยอมให้นายกรัฐมนตรีเป็นบุคคลสองสัญชาติไปได้ และถ้าเรื่องนี้ไปสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญด้วยวิธีใดก็ตาม หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าไม่เป็นไรแล้วละก็ คงจะสนุกกันใหญ่ละประเทศไทย
แต่ในขั้นนี้ ผมคิดว่ายังไม่น่าใส่ใจกับการไปร้องกับกกต.หรือศาลรัฐธรรมนูญให้มากนักเพราะอาจต้องใช้เวลาและไม่เกิดประโยชน์อะไรมากนัก
คงต้องใช้หลักว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาทางการเมืองของประเทศ และเมื่อเป็นเรื่องการเมือง ก็ต้องแก้ด้วยการเมือง ฟ้องประชาชนกันดีกว่า
ขอย้ำครับว่าผม ไม่ได้กำลังบอกว่าคุณอภิสิทธิ์ควรสละสัญชาติอังกฤษเสีย แต่กำลังบอกว่าคุณอภิสิทธิ์ซึ่งรู้อยู่แก่ใจมาตลอด ว่าตนเองมี 2สัญชาติ จะสละสัญชาติก็ได้แต่ไม่สละนั้น ไม่ควรเป็นนายกฯมาตั้งแต่ต้นและไม่ควรเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
Produced by VoiceTV