เตรียมสร้าง 'Pipe jacking' 11 จุด ทางด่วนระบายน้ำ คาดใช้เวลาก่อสร้าง 10-13 เดือน
เมื่อ พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกมายอมรับ ว่า ท่อระบายน้ำของกทม.ที่ก่อสร้างไว้มานานหลายสิบปี มีขนาดเล็กเกินที่จะรองรับการระบายน้ำฝนที่ตกสะสมเกิน 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง และไม่สามารถ เปลี่ยนแปลงท่อได้ ระบายน้ำทั่วกทม.ได้ เนื่องจากติดปัญหาระบบสาธารณูปโภคใต้ผิวดินอาจได้รับความเสียหาย รวมทั้งต้องปิดผิวจราจร ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาจราจรตามมา ดังนั้น กทม.ต้องหาวิธีใหม่ในการแก้ปัญหา
hobas jacking process (animation)
"Pipe jacking" หรือ ระบบดันท่อลอดใต้ดิน หรือเรียกอีกอย่างว่า "ท่อทางด่วนระบายน้ำ" คือวิธีการใหม่ที่สำนักการระบายน้ำจะนำมาใช้ในเร็วๆนี้ หลังได้รับงบประมาณจากรัฐบาลประมาณ 2,200 ล้านบาท จัดทำ Pipe jacking 11 จุด เฉลี่ย จุดละ 200 ล้านบาท การติดตั้ง จะเริ่มในพื้นที่ 11 แห่ง ที่มีลักษณะลุ่มต่ำ จุดเสี่ยงน้ำท่วมเสมอ และมีระยะเวลาน้ำท่วมนาน ซึ่งจะสามารถรองรับน้ำฝนสะสมได้ 80 มิลลิเมตรต่อวัน เรียกได้ว่า ถ้าติดตั้งเสร็จ น้ำจะไม่ท่วม แต่ถ้าฝนตกเกิน 80 มิลลิเมตรต่อวัน จะสามารถระบายน้ำได้ภายใน 1-2 ชั่วโมง จากปกติ ใช้เวลา 4-6 ชั่วโมง
hobas jacking process (animation)
11 แห่ง ติดตั้ง "Pipe jacking" ใช้เวลาก่อสร้าง 10-13 เดือน
- 8 แห่ง ประกวดราคาได้ผู้รับจ้าง พร้อมก่อสร้างเดือนสิงหาคมนี้ คือ สุขุวิท21 (อโศกมนตรี) , ซอยสวัสดี ,ถนนทรงสวัสดิ์ เยาวราช เจริญกรุง , สุขุมวิท 4(นานาใต้) ,สุขุมวิท 14 , ถนนนราธิวาสราชครินทร์17 ถนนสวนพลู , ถนนพหลโยธิน แยกเกษสตรศาสตร์ และ ซอยสุขุมวิท 107 ถึงคลองบางนา
-ส่วนอีก 3 แห่ง อยู่ระหว่างประกวดราคา คาดก่อสร้างเดือน กันยายนนี้ คือ ถนนศรีอยุธยา ถนนพระราม6 , ถนนสุขุมวิท 63 (เอกมัย) และ สุขุมวิท 39
วิธีการสร้าง "Pipe jacking" คือการก่อสร้างบ่อรับและบ่อดันท่อ เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.50-2 เมตร ความลึก 5-6 เมตร จุดบ่อยาวห่างกันระยะ 200 เมตร หลังจากนั้นติดตั้งอุปกรณ์ดันท่อในบ่อดัน และติดตั้งหัวเจาะกับปลายท่อ ค.ส.ลที่นำมาดัน และติดตั้งท่อเข้ากับอุปกรณ์ดันต่อเป็นขั้นสุดท้าย ซึ่งวิธีนี้ไม่ต้องเปิดผิวจราจรทั้งหมดเพื่อวางท่อใหม่ และสามารถทำได้ในช่วงเวลา 22.00-04.00 น.
ลักษณะการระบายน้ำ ของ "Pipe jacking" ทำหน้าที่เหมือนท่อทางด่วนระบายน้ำ ในจุดที่มีน้ำท่วมขัง น้ำฝนจะไหลลงบ่อรองรับ มีเครื่องสูบส่งน้ำผ่านไปท่อ Pipe jacking ไปสู่คูคลองเพื่อระบายน้ำได้เร็ว เรียกได้ว่มีลักษณะการทำงานเหมือนอุโมงค์ระบายน้ำขนาดย่อม
นอกจากนี้ การเตรียมพื้นที่รองรับน้ำ หรือ พื้นที่แก้มลิง ของกรุงเทพมหานคร พบว่ายังไม่เพียงพอ ปัจจุบันมี แก้มลิงใช้ที่สาธารณะ พื้นที่ของรัฐ และเอกชนบางส่วน 25 แห่ง รองรับน้ำได้ 13,045,055 ลูกบาศก์เมตร แบ่งเป็นฝั่งพระนคร 23 แห่ง รองรับน้ำได้ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร และ ฝั่งธนบุรี 2 แห่ง รองรับน้ำ ได้ 5 ล้านลูกบาศก์เมตร
ขณะที่ ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฝั่งพระนคร ยังมีพื้นที่แก้มลิงไม่เพียงพอ ยังขาดอีก 5 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยจะต้องเวรคืนที่ดินประมาณ 900 ไร่ โดยบางส่วนอยู่ระหว่างการทำประชาพิจารณ์
และอีก 2 พื้นที่ อยู่ระหว่างก่อสร้าง คือ บึงรับน้ำหมู่บ้านสัมมากร และสวนน้ำเสรีไทยช่วยคลองรหัสถึงคลองครุ รับน้ำได้ 316,900 ลูกบาศก์เมตร