B-Locker เป็นธุรกิจรับฝากของในตู้ล็อกเกอร์ เปิดให้บริการที่สถานีพญาไท ของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดี จึงเตรียมขยายตู้ล็อกเกอร์เพิ่มเติมที่เอเชียทีค และสนามบินดอนเมือง ภายในปีนี้(60) 
 

ตู้ล็อกเกอร์สีแดงขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่บนจุดเชื่อมต่อสถานีพญาไท รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เป็นบริการรับฝากสิ่งของรูปแบบใหม่ ที่เข้ามาเปิดตลาดในประเทศเมื่อปลายปีที่แล้ว(59) เพื่อให้บริการคนที่เดินทางพร้อมด้วยสัมภาระเป็นหลัก

วิธีฝากของก็ไม่ยุ่งยาก ผู้ใช้บริการแค่เลือกล็อกเกอร์ช่องว่างสีเขียว ตั้งรหัสผ่านของตนเองขึ้นมา 4 ตัว

ใส่เลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก และเลือกว่าจะฝากเป็นรายชั่วโมงหรือรายวัน ค่าบริการ เริ่มต้นที่ 3 ชั่วโมง 50 บาท ชั่วโมงถัดไป 20 บาท ส่วนรายวันอยู่ที่ 400 บาท จากนั้นหยอดเหรียญตามยอดเงินที่จะฝากสิ่งของ ล็อกเกอร์ที่เลือกไว้ ก็จะเปิดออกอัตโนมัติ พร้อมให้บริการ

เจ้าของ B-Locker บอกว่า ไอเดียนี้เกิดจากประสบการณ์ส่วนตัว ที่มีโอกาสใช้ตู้ล็อกเกอร์ฝากของในต่างประเทศ ซึ่งทุกครั้งที่เดินทางพร้อมสัมภาระ จะเลือกใช้บริการตู้ล็อกเกอร์แบบนี้ เพื่อความคล่องตัวมากขึ้นในการเดินทางท่องเที่ยวหรือทำธุระ และมองว่าไทยควรมีบริการรูปแบบนี้ด้วย

ความพิเศษของ B-locker จะมีอุปกรณ์เสริม เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดจากแรงระเบิด ไม่ให้กระจายตัวเข้าหามวลชน ซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของท่าอากาศยานไทย (AOT)

มีห้องควบคุมหลังตู้ล็อกเกอร์ เพื่อให้พนักงานตรวจสอบสัมภาระด้วยสายตา แต่ไม่สามารถหยิบสิ่งของ ได้

B-locker มีแห่งเดียว คือสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์พญาไท ขณะนี้มีผู้ใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 1,000 คน มีสัดส่วนผู้ใช้บริการร้อยละ 60 เป็นชาวต่างชาติ และร้อยละ 40 เป็นคนไทย ซึ่งในปีนี้(60) จะขยายธุรกิจบริการเพิ่มเติมที่เอเชียทีค และสนามบินดอนเมือง

ล่าสุด B-Locker ทดลองตลาดด้วยรถโมบายฝากของ ตอบโจทย์ข้อจำกัดการเข้าถึงสถานที่ ซึ่งรถโมบายนี้ จะให้บริการตาม Event ต่างๆ เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนั้นด้วย